ขอให้ชาวนครพนม คัดค้านการนำเอาพระธาตุพนม ไปประดับบนยอดหลังคาอาคารด่านศุลกากรนครพนม ที่สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 3 จังหวัดนครพนม

30 พ.ค. 2554

นักการเมือง มาแล้วก็ไป แต่ความจรรโลงจัญไร ก็ยังอยู่




หนองญาติ หนองน้ำสาธารณะของชาวบ้าน ชาวเมืองนครพนม
อาหาร อันโอชะ  จานแรก ของ ฝูง" หมาหลง "



       ตอนที่รับหนังสือ " ชำแหละ ผลงานหมาหลง " ไปหยกๆ  ก็มีเพื่อนฝูงน้องนุ่งหลายคนโทรมาหาทุกวันว่า  ได้รับหนังสือ ไล่ล่าหมาหลง หรือยัง  ถ้ายังเดี๋ยวจะเอาไปให้อ่าน  ก็ตอบไปว่า ได้แล้ว   แต่กระนั้น  ก็ยังมีคนหวังดีแอบมาฝากให้อ่านที่หน้าบ้านอีกนับสิบเล่ม  เฮ้อ  เขาคงคิดว่า  คนเก็บตัวอยู่แต่บ้านอย่างเรา  คงไม่รู้จัก พวก " หมาหลง " หรอก  เฮ้อ  รู้จักเราน้อยไป



ที่ว่าการอำเภอเมืองนครพนม  แห่งใหม่ สร้างกลางหนองญาติ ปี 2542 
ผลงานโบว์แดง ที่ " โจ๋งครึ้ม  อุจาด "  ที่สุดของ ทีมงาน หมาหลง  และยังมีตามมาอีกนับสิบ


แค้มป์ฝรั่ง  หรือ ฐานทัพทหารอเมริกา สมัยปี 2512

      เช้าวันเสาว์ที่ผ่านมา ก็มีเรื่องเซอร์ไพร้ท์ เมื่อเห็น บักกะตู่  ญาติห่างๆที่ไม่เจอหน้าตามานานมากๆ  ได้มาหาที่บ้าน ช่างเขียน   วันนั้น  กะตู่  ขับซีวิคคันงามมากับเมียและลูกชายโทนที่โตเป็นหนุ่มแล้ว  จำได้ว่าตอนวัยรุ่น  กะตู่  หน้าตาดีแต่เฮี้ยวสุดๆแบบเด็กมีปัญหา เพราะพ่อแม่เลิกกันในสมัยแค้มป์ฝรั่ง  พ่อไปได้กับสาวบาร์นมโต  ส่วนแม่ที่ทำงานเป็นแม่บ้านในแค้มป์ก็ได้ผัวใหม่เป็นฝรั่งจีไอและไปอยู่อเมริกานับแต่นั้น  ทิ้ง กะตู่ ให้อยู่กะยายเลี้ยงที่บ้านนอก ฐานะก็ขัดสนจึงเรียนจบแค่ มอ 3  ด้วยความลำบากในบ้านนอก  จึงเข้าเมืองมาอยู่กับ ช่างเขียน หลายปี ทำงานทุกอย่างที่ได้เงิน  ตั้งแต่ งานล้างจาน เป็นดอร์แมน เป็นเด็กเสริฟ  และไปทำงานในบาร์ฝรั่ง ด้วยความชอบเสียงเพลงและดนตรี จึงยอมไปเป็นเด็กขนเครื่องในวงดนตรีที่เข้าไปเล่นในแค้มป์โดยไม่รับค่าจ้าง  จนกระทั่งแค้มป์นครพนมยุบในปี 2518   ก็ได้ข่าวว่า มีอดีตเมียฝรั่ง 2 - 3 คนมาติดพันและเอาไปเลี้ยงดูจนมีคนลือว่า มันเป็นแมงดาปีกทองไปแล้ว
              ล่าสุดเมื่อ 20 กว่าปีก่อนมีคนเล่าให้ฟังว่า  มันได้เข้าไปทำงานในกรุงเทพกับเมียฝรั่งคนใหม่  และโชคดีไปได้งานที่สถานทูตฯ เพราะเคยทำวีรกรรมช่วยชีวิตนายทหารอเมริกันคนนึงที่ถูกนักเลงคุมบาร์แถวถนนเพชรบุรีรุมซ้อมซะน่วม  จากนั้นก็ไม่ได้ยินข่าวอีกเลยจนไม่แน่ใจว่า มันจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่



        เมื่อแขกผู้มาเยือนเข้ามาในบ้านแล้ว  ช่างเขียน  ก็พาไปนั่งที่ระเบียงริมโขง  เพื่อชมวิวสวยๆให้คลายความเหน็ดเหนื่อยจากการขับรถมาไกลเสียก่อน  แล้วมาพิจารณา แขกที่นั่งอยู่ตรงหน้า  
ไอ้กะตู่  เอ้ย  คิดว่า มึงน่าจะตายห่าไปตั้งนานแล้ว จู่ๆวันนี้ก็โผล่หน้ามาให้ตกใจเล่น 
             วันนี้ กะตู่  ในวัย 55 ปี เค้าหน้าไม่เปลี่ยน  แต่ดูดีกว่าวันก่อนมาก ส่วน แดง  เมียคนล่าก็อายุราวๆ 45 หน้าตาบ้านๆแต่ก็มีเค้าเคยเป็นคนสวยมาก่อน และ กะปอม ลูกชายวัยรุ่นคนเดียวของผัวเมียคู่นี้  ก็เพิ่งเอ็นซ์ติด รัฐศาสตร์ มหา'ลัยชื่อดัง

กะตู่  -   พี่ใหญ่  ก่อนอื่นต้องบอกว่า  เดี๋ยวนี้ผมป็นคนดีและไม่เหมือนเดิมแล้วนะ  ผมโชคดีที่มีครอบครัวดี  เรา 3 คนพ่อแม่ลูกมีความรักที่อบอุ่นมาก  แดง  หวัดดีพี่เขา และ กะปอม  สวัสดีคุณลุงลูก ตั้งแต่ผมไปส่งพี่ไปอเมริกาคราวนั้น  ก็คิดว่า พี่คงจะไปปักหลักถาวรที่นั่นซะแล้ว  และบ้านที่นี่คงจะไม่มีใครเหลืออยู่  ก็เลยไม่ได้ติดต่อกลับมาที่นี่อีกเลย   พี่คงสบายดีนะครับ
ช่างเขียน  - สบายดี  ขอบใจ   แล้วตอนนี้ มึงทำงานการอะไรอยู่ล่ะ   แล้วที่มา นครฯ  นี่  มาทำอะไร
กะตู่  -  ช่วงเข้ากรุงเทพใหม่ๆ ผมเคยทำงานเป็น รปภ.ที่สถานทูตฯ ครับ  พอหมดสัญญาเมื่อ 4 ปีก่อน คนในสถานทูตฯก็แนะนำให้มาทำงานที่บริษัทกฏหมายฝรั่งพรรคพวกเขาแถวเพลินจิตครับ  งานก็สบายๆเงินก็ดี  ที่มา นครฯ คราวนี้  ก็ผมบนไว้ว่า  ถ้า กะปอม เอ็นทร้านซ์ติด  ก็จะพาลูกเมียมาไหว้พระธาตุ 7 วัด แก้บนที่นครพนม ครับ  วันนี้ทั้งวันก็ไปไหว้ครบหมดแล้ว  เลยลองแวะมาที่นี่ดู  ทั้งที่ก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าพี่จะยังอยู่นครฯ หรือเปล่า    ก็ดีใจครับ  ที่ได้เจอพี่
ช่างเขียน  -  ได้ข่าวว่ามีแฟนหลายคน แล้วไปเจอกับแดง ได้ไง  ไหนลองเล่าให้ฟังหน่อย ซิ
กะตู่  -  แฟนก่อนหน้านี้ก็มีที่อุดรครับ  แต่คนนี้ไปเจอที่กรุงเทพ แดง เป็นคนชลบุรี ตอนนั้นเขาทำงานกับบริษัทท่องเที่ยว  มีวันนึงเขาไปลืมกระเป๋าที่สถานทูตฯ  แล้วผมเป็นคนไปเจอ  ตอนกำลังจะประกาศหาเจ้าของ  เขาก็มาติดต่อพอดี  แรกที่เห็นหน้าก็ปิ้งขึ้นมาทันที  ส่วน แดง พอได้กระเป๋าคืนก็ดีใจมาก  เธอบอกว่า  ถ้าใครเก็บกระเป๋าได้ จะกราบเท้างามๆ สิบที   แต่ผมบอกว่า  ไม่ต้องกราบก็ได้  ขอแค่ไปกินข้าวด้วยกันซักมื้อก็พอ  ทันใดนั้น แดงก็บอกว่า  ให้เสร็จธุระวันนี้ก่อน   แล้วตอนเย็นๆค่อยมาเจอกันที่สยาม  ก็เลยเป็นที่มาของเราครับ อยู่ด้วยกันมาก็ 20 ปีพอดี
ช่างเขียน  - ตอนไปทำงานที่สถานทูตฯนี่  เรื่องภาษาจำเป็นมั๊ย
กะตู่  - ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้กำหนดอะไรมากขอแต่ให้มีร่างกายแข็งแรง  แต่โชคดีหน่อยที่ผมก็พอมีพื้นงูๆปลาๆจากสมัยจีไอบ้าง  แต่หัวหน้าเขาก็แนะนำให้ไปเรียนเพิ่ม  ผมก็เลยไปเข้าคอร์สเรียนภาษาเพิ่ม และต่อมาพอมีเวลาก็ไปเรียนการศึกษาผู้ใหญ่ แล้วเรียนรามฯต่อ  ก่อนจะไปทำงานบริษัทผมก็เพิ่งจบนิติรามฯ   เออ ผม มีเรื่องเปิ่นๆจะเล่าให้ฟัง  พี่จำ เหตุการณ์วันที่ศาลกำลังจะตัดสินคดีทักษินซุกหุ้นได้ใหม  ตอนนั้นผมได้ยินพวกนายฝรั่งเขานั่งคุยกันหน้าที่ทีวี ว่า " ทักษิน ฮี'ส ครุค "  ผมก็เลยไปเล่าให้นายคนไทยฟังว่า " ทักษินจะติดคุกเหรอ  "  พอนายคนไทยได้ยินแกก็หัวเราะ บอกผมว่า "  ไอ้บ้าเอ้ย ครุค ที่ฝรั่งพูดนั่น  เขาหมายถึง   ไอ้ขี้โกง แต่ถ้าเป็นภาษาการเมือง มันหมายถึง  คนชั่วร้ายน่ารังเกียจ ไร้จริยธรรม  "  และในเวลาต่อมาเจ้านายก็เล่าให้ฟังว่า  นักการเมืองที่จะก้าวมาเป็น นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยนั้น  เขาจะต้องเช็คสืบประวัติอย่างละเอียดทุกๆคน  และก็เป็นทุกสถานทูตฯในกรุงเทพ 
ช่างเขียน  -  โฮ๊ย  พวกนักการทูตต่างประเทศ เขารู้ดี รู้ลึกกว่าคนไทยเสียอีก  ไม่ต้องห่วงเรื่องว่า นักการเมืองที่ไม่สุจริต จะรอดสายตาพวกฝรั่งไปได้
กะตู่  -  แล้ว พี่สงค์ เราเป็นยังไงตอนนี้ พี่
ช่างเขียน  -  อ้าว ไปอยู่ที่อื่นตั้งนาน ยังจำแกได้อยู่หรือ  ตอนนี้ไปกันใหญ่  แบบกู่ไม่กลับแล้ว  พี่สงค์ หรือ หมอสงค์ ตอนที่พวกเรายุเชียร์ให้เล่นการเมือง เมื่อ 27 ปีก่อน   เพราะคิดว่า แกเป็นคนดี   กับ พี่สงค์ หรือ หมอสงค์เสื้อแดง  ในวันนี้ มันเป็นคนละคนกัน  ทุกวันนี้ คนเก่าๆที่เคยสนับสนุน เขาหันหลังให้แกหมดแล้ว  อย่าว่าแต่ยกมือไหว้ เลยนะ  ทุกคนพูดตรงกันหมด คือ " แก เป็นยา ที่หมดอายุแล้ว  "  ดีแต่ยังไม่มีใคร ออกมาไล่ก็เท่านั้นเอง  แต่ต่อไปก็ไม่แน่นะ


แดงนครพนม  หรือ  ชาวนครพนม  ใครจะอยู่  ใครจะไป

กะตู่  -   บิ๊กจิ๋ว มาที่นี่ได้ไงพี่  แล้วมีคนบ้านเราได้เป็น  สส. บ้างใหม
ช่างเขียน  - ก็ พี่สงค์ นี่แหละ คิดการใหญ่โต " ชักน้ำเข้าลึก "  ไปเชิญแกมาส้องสุมการเมืองด้วยกัน ไง  คิดว่า แกมีบารมีจากทหาร และจะมีคนจ่ายตังค์ให้ทุนด้วย  พอเอาเข้าจริง  ไม่เห็นจะมีใครควัก  ก็เลยพรรคแตก  ไปยุบรวมกับ ทักษิน  เป็นแบบนี้แล้ว พวกนี้มันจะมีอุดมการณ์ ประชาธิปไตย อะไร  ที่สำคัญ  ในเขตอำเภอเมืองนครพนม  มีแต่ สส คนแปลกถิ่น ข้าวนอกนา เป็นคนของจิ๋ว ลูกหลานของหมอสงค์ ไม่เคยได้ สส  ที่เป็น เลือดเนื้อเชื้อไข ของคนนครพนม เลยซักคน  กู ว่ามันถึงเวลาที่พวกเราคนนครฯ  ต้องหันมาดูแลบ้านเมืองของเราเองแล้วล่ะ  จะมามัวรังเกียจเรื่องการเมืองต่อไป  เดี๋ยว หมาหลง ก็ คาบไปแดก หมด  จะโทษใครก็ไม่ได้  ต้องสมน้ำหน้าตัวเอง  จริงมั๊ย กะตู่
กะตู่  - ครับ  ผมก็นึกว่า  บ้านเรายุคสมััยนี้  ก็น่าจะมี สส. แบบพี่ไขแสง บ้างล่ะนะ
กะปอม  -  คุณลุงครับ  ที่นครพนมนี่ ใครเป็น แกนนำคนเสื้อแดง คนสำคัญครับ
ช่างเขียน  -  เอ้า กะปอม  สนใจการเมืองเหมือนกัน รึ  เสื้อแดงตัวพ่อที่นี่ ก็ พ่อใหญ่จิ๋ว และกลุ่มคนที่ลุงพูดถึงอยู่ไง ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็น คนต่างถิ่น  ลุงก็เลยตั้งชื่อให้พวกนี้ว่า " แก๊งค์ 4 นาย " ที่มี นายแพทย์ นายพล นายอำเภอ และ นายกองค์การฯ   คนหลังนี่ผู้หญิง เป็น ลูกสาว ที่เป็นลูกเลี้ยงของพี่สงค์  ผู้หญิงคนนี้แหละตัวร้าย เป็น เจ้าแม่ม๊อบเสื้อแดง  ตอนนี้กำลังสร้างสมอิทธิพลบารมีในท้องถิ่น อีกไม่นานก็คงเป็น ผู้มีอิทธิพล  คนใหม่   แต่กลุ่มคนพวกนี้  คนนครพนมกลุ่มไร้สี หรือ พลังเงียบ เขาเรียกว่า  พวกหมาหลง  พูดแล้วก็อาย  ไอ้เราคนท้องถิ่นลูกหม้อนครพนมแท้ๆ  ต้องทนเป็น ม้าอารีย์  นั่งดู  พวกหมาหลง กินบนเรือน ขี้รดหลังคา  ตาปริบๆ มาหลายสิบปีแล้ว  ส่วนพวกมันก็ขยันสร้างนั่น สร้างนี่  แล้วก็ใช้งานไม่ได้  แต่เงินเข้ากระเป๋าหมด ต่อหน้าต่อตา และ ตำใจ คนนครฯ
กะปอม  -  อิทธิพลของคนเสื้อแดง  ที่ นครพนม เทียบได้กับที่ อุดร ขอนแก่น เชียงใหม่ ใหมครับคุณลุง
ช่างเขียน  -  เกือบๆ นะ   คนเสื้อแดงที่นี่เขาเชื่อว่า  เมืองนครพนม เป็นของเขา  คนเมืองนี้ต้องแดงทั้งเมือง  ซ่า ขนาดที่ว่า  จะส่ง เสาไฟฟ้า หรือ ใครลงสมัครเป็น สส. ก็ต้องยกทีม  แหมพูดแล้วมันน่าเจ็บใจ  เมื่อวันก่อน ลุงไปเจอ คนขี่สกายแลปแก่ๆ ใส่เสื้อ แดง นปช. ติดธงแดง นปช.  มันขี่สกายแลป ไปที่ไหนๆในเมือง  มันชอบตะโกนไปด้วย " เสื้อแดงเพื่อไทยนครพนม ต้องชนะ "  ก็เลยจำหน้า ไอ้แก่ นี่ได้ในคืนวันที่ 20 พฤษภา เมื่อตอนเย็นพวกเสื้อแดงเผาเซ็นทรัลเวิลด์ที่กรุงเทพไปแล้ว  แต่ตอนค่ำที่นครพนม  พวกหมาหลง เขาก็นัดพวกเสื้อแดงชุมนุม ฉลองการเผากรุงเทพ  ที่หน้าสวนชมโขง  ก็เห็นไอ้แก่ นี่แหละ ที่เผายางรถบนถนนหน้าสวนชมโขง  เออ ไม่รู้มันลูกน้องใคร  


ท้ายรถเขียนว่า  "  พรรคเพื่อไทย  หญิงแกร่ง  แห่งลุ่มน้ำโขง  "
"  มนพร  เจริญศรี  (  เดือน  ) "
เขต 1  จ.นครพนม
" เสื้้อแดง ตัวแม่  แห่ง  พรรคเพื่อใคร  "


ป้ายสรรเสริญ "  เสื้อแดง  ตัวอภิมหาบิดา  " ถนนอภิบาลบัญชา วันนี้ ยังไม่มีใครกล้าปลดออก


รถคันนี้ของใคร  " คูโบต้า อาร์เอ็มจี  สาขานครพนม  "
 "  บธ  8694  สกลนคร  "   ให้จำเลขทะเบียนนี้ไว้
กรุงเทพ กำลังจะวายวอด  แต่คนพวกนี้  กำลังจะมาฉลองชัย ในวันที่ 20 พค. 2553




ช่างเขียน  -  กะตู่  จำ ศาลาไม้กลางน้ำ หนองญาติ ได้ใหม  สมัยแค้มป์ พวกเราเคยไปจัดปาร์ตี้กับพวกฝรั่งอยู่บ่อยๆ ไง
กะตู่  -  มีอะไรหรือ พี่ ?
ช่างเขียน  - ตอนนี้พวก หมาหลง  เขาไปสร้างอะไรต่ออะไรเยอะแยะไปหมด  ศาลานั่น เขาก็รื้อออก แล้วสร้างเป็น อควาเรี่ยม  ที่แสบสุดคือ  มันย้ายที่ว่าการอำเภอเมืองฯ  ไปตั้งอยู่กลางหนองญาติเลย  ถ้ากลุ่มพวกเราไม่ไปหยุดไว้  ป่านนี้ มันคงสร้างอะไรๆปิดล้อมหนองญาติไปหมดแล้ว  พอเราร้องเรียนไปตามขั้นตอน  ถึงความไม่ถูกต้อง  ที่พวก หมาหลง ได้ทำๆไว้   ปรากฏว่า  ลูกสาวหมอสงค์ กับ สส.หมาหลง อีกคนนึง   จัดม๊อบ เกณฑ์ชาวบ้านคนบ้านนอก ออกมาต่อต้านพวกเรา  " แสดงบารมี นักการเมืองของพ่อใหญ่จิ๋ว  "  ให้รู้ว่า  " พวกมึง อย่าได้คิด เสือก หรือ สะเออะ มาแตะต้อง งานของพวกกู  "
กะตู่  - ขนาดนั้นเลย หรือพี่  โอ้ โฮ  เหมือนนายพวกมันเลยนี่  ทักษิน ไง  มีนักข่าวสาวคนนึงเขียนวิจารณ์เขาก็ไม่ได้รุนแรงอะไร  ทักษิน สั่งทนายฟ้องนักข่าวสาว เรียกค่าเสียหายถึง 500 ล้านบาท  พี่คงจำข่าวนี้ได้นะ  พอถึงศาล นักข่าวชนะ  แล้วที่พี่ฟ้องพวกนั้น เรื่องไปถึงไหนแล้วล่ะ
ช่างเขียน  - อยู่ที่ศาลปกครองขอนแก่น เกือบ 5 ปีแล้ว  ก็ไม่ได้ห่วงอะไร  เพราะคดีนี้ไม่มีอายุความ  จะช้าจะเร็ว  พวกมันก็หนีไปไหนไม่ได้อยู่ดี  นอกจากจะแอบหนีไปเขมร  ตามเสี่ยวัฒนา ณ คลองด่าน และ กำนันเป๊าะ ณ เขาไม้แก้ว ซึ่งก็เป็นคดีบุกรุกที่สาธารณะฯอันเดียวกัน   ตอนนี้ที่แผ่นดินเขมร ก็ได้กลายเป็นที่จัด ปาร์ตี้ ของคนหนีหมายศาลไทย ไปแล้ว
กะตู่  -  พอพี่พูดถึง ปาร์ตี้แล้ว  ก็คิดถึงความหลังขึ้นมาทันทีเลย  นึกถึง บรรยากาศเก่าๆ สมัยแค้มป์ฝรั่ง ที่ผมเคยไปเหล่สาวๆแถวหนองญาติ   ก็เลยนึกอยากจะไปหาอะไรกินที่หนองญาติในเย็นนี้  พี่ว่า พอจะมีร้านอาหารดีๆที่น่านั่ง อยู่ริมหนองญาติ ใหมครับ  วันนี้ผมขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงพี่เอง เดี๋ยวเราไปนั่งคุยกันต่อที่นั่น  โอ เค ใหม พี่  ?
ช่างเขียน  -  ก็ดีเหมือนกัน  ว่าแต่ว่า  วันนี้พักที่ไหนล่ะ และจะอยู่อีกกี่วันล่ะนี่
กะตู่  - ผมว่า จะพักที่โรงแรมท้ายเมืองคืนนึงนะ  แต่คืนนี้ขอคุยกับพี่ให้เต็มที่ก่อน  แล้วพรุ่งนี้จะตระเวนไปแวะเยี่ยมญาติๆที่ยังหลงเหลือ ที่ธาตุพนม เรณู  ครบแล้วก็จะเดินทางไปเที่ยวหนองคายต่อ ครับ ขอลาเขาแค่ 3 วันเอง
ช่างเขียน  - เออ  ดีๆ  งั้นขอเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แป๊บนึงนะ  แล้วเราก็ออกไปเลย

จบ ตอน 1


"  พิพิธภัณฑ์ปลาน้ำจืด  "   สุสานที่ " ฝูงหมาหลง  "  ช่วยกันสร้างบนชายตลิ่งหนองญาติ
 บนบริเวณที่เคยเป็นที่ประทับฯ ของสองล้นเกล้า ฯ คราวเสด็จประพาสอีสาน ในปี 2503
แต่ เหจือก อ้างว่า  จะทำโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ  ทุ้ย  คิดว่า ฉลาด รึ
แต่ สุสานแห่งนี้ ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น  "  โลกของปลาน้ำจืด "  เรียบร้อยแล้ว  
โถ นึกว่าจะแน่




ผลงานการจัดม๊อบครั้งใหญ่ของ ฝูง " หมาหลง "  ในปี 2548

เป็นนักการเมืองภาษา " หลังมือ หลังเท้าอะไร "  สมอง พ่อแม่ลืมให้ เรอะ
 ไม่ได้สำนึกเลยว่าตัวเองก็เป็นคนต่างถิ่น  ที่บากหน้ามาอาศัยบ้านเมืองคนอื่นเขาอยู่
แถมคนเมืองนี้ก็ไม่ได้รังเกียจอะไร  ยอมเป็นม้าอารีย์ " พายเรือให้โจรนั่ง " มานานนม
พอถูกจับได้ว่าเป็น " โจร " จริงๆ ก็จัดม๊อบออกมาโต้กับคนที่เคยสนับสนุน เคยกาเลือกพวกมัน 
ช่าง เป็น " หมาหลง "  ที่อกตัญญูไม่รู้บุญคุณของ " ม้าอารีย์ " ที่ให้ข้าวให้น้ำมานับสิบปี เลย

เลือกตั้ง คราวนี้แหละ  ที่ พลังเงียบนครพนม จะเอาคืนมั่ง 
 " หมา แกร่ง  แห่งลุ่มน้ำโขง "  เอ๋ย



"  อยากไปเร็ว  ก็ให้มึงรีบไป  อยากไปไกล   มึงต้องเดินไปกะ พวก กรู "

     จับตา  สามยาม
     30 พฤษภาคม  2554