ขอให้ชาวนครพนม คัดค้านการนำเอาพระธาตุพนม ไปประดับบนยอดหลังคาอาคารด่านศุลกากรนครพนม ที่สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 3 จังหวัดนครพนม

10 พ.ค. 2553

ละอองน้ำลาย กับสายลม และแสงแดด

          " พี่   จำพี่ยอด ไก่แดงได้มั๊ยครับ ตอนนี้แกเกษียณแล้ว ผมคิดว่าน่าจะซัก 2 - 3  ปีได้ละมั๊ง และเร็วๆนี้ผมทราบจากไอ้ต๋องว่า ตอนนี้พี่ยอดแกได้ขึ้นมาพักอยู่กับลูกชายแกคนที่มีเมียเป็นคนนาแกบ้านพี่นี่แหละ ถ้าพี่มีเวลาก็ไปแวะเยี่ยมแกบ้างนะ บ้านลูกแกอยู่ที่ ...... " ไอ้นุ้ย เพื่อนรุ่นน้องชาวสิงห์กระดำกระด่าง  ที่กว่าจะจบก็ต้องเรียนถึง 2 สถาบัน สิริรวม 8 ปี  โทร.แจ้งข่าวมาเมื่อวันก่อน    
       หลับตาย้อนกลับไปหลายสิบปีก่อน  ก็จำได้ว่าพี่ยอดคนนี้เข้ามหาลัยก่อน 3 รุ่น เป็นหนุ่มผิวขาวหน้าตาดีอารมณ์ดีท่าทางคล้ายๆจะเป็นคนเหนือแต่แกบอกว่าเป็นลูกชาวสวนเมืองตราด  ตัวเรียนที่ท่าพระจันทร์  แต่ตกเย็นชอบมาป้วนเปี้ยนอยู่แถววังท่าพระเป็นประจำ ซึ่งในตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่าแกมาติดพันกับสาวคนไหนคณะใด แต่มาสนิทกับพวกเราจริงๆก็ในวงรัมมี่ที่โรงอาหารก่อน แล้วค่อยพัวพันต่อมาในวงเหล้าแถวหน้าพระลาน  และก็คบกันเรื่อยมาจนกระทั่งเรียนจบ  ซึ่งพี่ยอดก็เข้าทำงานในสายยุติธรรมจนเกษียณ    
       ฉายาพี่ยอด ไก่แดง ที่ได้มานี้  ก็เป็นเพราะในตอนแรกที่เข้ามาเป็นสมาชิกในก๊วน " จัณ  ฑะ  มิตร " ของพวกเราซึ่งเป็นขาประจำกับเหล้าแม่โขงนั้น แกชอบหนีบเอาเหล้าไก่แดง ( ซึ่งเป็นเหล้ายี่ห้อใหม่ที่ดังระเบิดจากโฆษณาด้วยนางแบบสุดฮ็อทในสมัยนั้น ) มาร่วมวงด้วยนั่นเอง  ก็เคยถามแกอยู่บ่อยๆว่า " พี่ชอบเหล้า หรือ นางแบบ " และแกก็ตอบว่า " ทั้ง 2 อย่างว่ะ "
                 พี่ยอด นอกจากเป็นคนเจ้าชู้รูปหล่อคารมดีแล้ว  ยังเป็นคนทะเล้นขี้เล่นตามแบบ "  สัปดนวันละนิด  จิตแจ่มใส " ของลุงประยูร  จรรยาวงค์ นักเขียนการ์ตูนชื่อดังในสมัยนั้น  พี่ยอดแกเช่าหออยู่ที่บางลำพูกับเพื่อนอีก 2 คนที่เป็นคนบ้านเดียวกันและก็หน้าตาดีด้วย กิจวัตรหลักในวันหยุดของสามหนุ่มขี้หลีแก๊งค์นี้ ก็คือ การตะเวณไปแวะเหล่สาวตามหอหญิงในละแวกนั้น เช่น พรานนก ศิริราช และสวนอ้อย   จนเพื่อนๆตั้งฉายาให้หนุ่มแก๊งค์นี้ว่าพวก " คอน พะ เณ จวย "
      วีรกรรมความขี้เล่นของพี่ยอด ที่จำไม่รู้ลืม ก็คงเป็นคืนวันที่พี่ยอดชวนพวกเรา 4 - 5 คนไปกินฉลองเกิดที่หอแก ซึ่งเป็นห้องเล็กๆแต่มีห้องน้ำในตัว มีที่นอนวางอยู่มุมหนึ่ง ก็เลยปูเสื่อตั้งวงเหล้ากินมันตรงกลางห้องนี่หละ  จากนั้นก็กินกันไปคุยกันไปจนเกือบจะเมา  ก็พอดีเหล้าหมด


พี่ยอดก็ถามว่า " เฮ๊ย เหล้าแม่โขงหมด มีแต่เหล้าพ่อโขง พวกมึงจะกินใหม "

พวกเราก็สงสัย " ฮู่ย พี่ เหล้าพ่อโขงมันมีเหรอ ไม่เคยได้ยินชื่อเลย แล้วมันมีขายที่ไหนบ้างหละ "
พี่ยอด " มีดิ นี่ไง ( แล้วก็ชี้ไปที่โปสเตอร์เหล้าพ่อโขงที่ข้างฝา ) เห็นยัง  ตอนนี้ก็ตี 3 ไปแล้ว กูจะออกไปหาซื้อแม่โขงได้ที่ไหนว่ะ  ว่าแต่พวกมึงจะกินใหม ถ้าจะกินก็รอแป๊บนึง "
พวกเรา  "  แหมพี่  มันเมาติดลมแล้ว  มีอะไรก็กินได้ ม่ายมีปัญหา  "
    พี่ยอดก็หายไปพักหนึ่ง  แล้วกลับมาด้วยขวดเหล้าพ่อโขง  น้ำเหล้ามีสีเหลืองใสๆมีฟองนิดๆขวดหนึ่ง
พี่ยอด  "  เอ้า ยังมีเหลืออยู่ขวด  กลิ่นอาจจะฉุน รสชาติอาจจะแปลก ดีกรีไม่แรง ก็ฝืนใจซักหน่อยก็กินได้  แต่ถ้าไม่อร่อยเท่าแม่โขงก็อย่ามาโทษกูนา  ยังไงก็ดีกว่าไม่มีอะไรจะแดก  จริงมั๊ย  ไอ้น้อง  "
พวกเรา  "  ครับ พี่  เอ้า ริน เฮ๊ย   " 
        พอแรกจิบ ก็จริงอย่างที่พี่ยอดเกริ่นนำไว้  มันจืดมันเฝื่อนไม่มีดีกรีของเหล้าแม้แต่น้อยและกลิ่นก็แหม่งๆยังไงชอบกล ถึงจะมึนไปบ้างแต่ในใจก็ยังคิดได้ว่า นี่มันน้ำอะไรโว๊ย  แต่ก็เอาหละ  วันนี้เป็นวันเกิดพี่เขา ก็ผะอืดผะอมกินให้เกียรติพี่เขาซักกะหน่อย  จะเป็นไรไป
         แต่พอพวกเราจะรินแก้วที่ 2 นี่สิ  พี่ยอดแกคงกลั้นหัวเราะไม่ไหว  จึงระเบิดเสียงออกมา  ทันใดนั้นพวกเราต่างก็หันมามองหน้ากัน  ก่อนที่จะชิงผลุดลุกวิ่งไปเข้าห้องน้ำ  ใครที่กลั้นไม่ไหวก็ปล่อยออกที่วงเหล้ามันนี่แหละ   เป็นไงความพิเรนของพี่ยอด  ไก่แดง ของเรา  ที่ทำไปได้
           วันต่อมาก็ได้ไปพบพี่ยอด  ที่บ้านลูกชายแก  ครอบครัวนี้มีกัน 3 คน ตัวพ่ออายุ 40 แม่ราวๆ 35 มีลูกสาวอายุ 10 ขวบคนเดียว   ด้านหน้าติดถนนทำเป็นห้องแถวชั้นเดียว 2 คูหาเปิดเป็นร้านมินิมาร์ท ด้านในเป็นบ้านตึก 2 ชั้น บริเวณโดยรอบราวๆ 1 ไร่ก็ร่มครึ้มด้วยต้นไม้ใหญ่หลายต้น  ภายในบ้านก็สะอาดมีระเบียบแสดงฐานะและรสนิยมของเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี
ช่างเขียน  - " หวัดดีพี่  สบายใหมครับ  เราไม่ได้เจอกันเกือบ 20 ปีเห็นจะได้มั้ง  "
พี่ยอด  - "  สบายดีมาก ตอนนี้มันถึงเวลาที่ต้องพักแล้ว  เอ้า ลูกไหว้คุณอาเขา  ลูกชายชื่อน้อย เขาเรียนทางไฟฟ้ามา ลูกสะใภ้ชื่อ ดาว จบพานิชย์ หลานสาวชื่อ น้องเมย์  ว่าแต่ตอนนี้มึงหายเคืองพี่  รึยัง ?  "
ช่างเขียน  - "  หวัดดี ทุกคน  โอ๊ย เรื่องนั้น ผมลืมไปนานแล้วพี่ "
 พี่ยอด  - " นี่เป็นการมานครพนมครั้งแรกในชีวิต  อยู่มาเกือบเดือนแล้วก็รู้สึกสะดวกสบายดีน่าอยู่มาก  ไม่ได้อัตคัดขาดแคลนอะไร  ก็เคยตั้งใจอยู่ว่า  บั้นปลายชีวิตอยากออกมาอยู่ต่างจังหวัด  ก็สมใจ  เพราะน้อยเขามาเป็นเขยอีสานอยู่ที่นี่  "
  น้อย  - " ผมแต่งกับดาวที่กรุงเทพได้ 3 ปี  แล้วจึงตัดสินใจย้ายขึ้นมาอยู่ที่นี่ครับคุณอา  "
  ดาว  - " หนูทำงานบริษัทมาก็หลายปี  พอมีลูกก็เลยคิดว่าเราน่าจะมาอยู่บ้านดีกว่า คะ คุณอา  "
 ช่างเขียน  - " ที่พี่ตัดสินใจมาอยู่กับลูกหลานที่นี่  นอกจากเป็นความตั้งใจเดิมของพี่แล้ว  เรื่องการชุมนุมของพวกเสื้อแดงในกรุงเทพ ก็มีส่วนด้วยใหมครับ  "
พี่ยอด  - " ก็เรื่องนี้แหละ  ที่ทำให้มาเร็วขึ้น  ตั้งแต่พวกนั้นมาชุมนุม  จะไปไหนมาไหนก็ไม่สะดวก  เวลาดูข่าวทางทีวีก็เครียด ไม่เคยมีความสุขใจเลย  "
ช่างเขียน  - "  พี่ว่า เรื่องที่พวกแกนนำใช้ปลุกระดมคนต่างจังหวัดให้เข้ามาชุมนุมนั้น  เขามุ่งหวังอะไร   "
พี่ยอด  - "  สรุปสั้นๆ  การเคลื่อนไหวทั้งหมด ก็ทำเพื่อทักษิน อย่าลืมว่า  ทักษินนั้นร่ำรวยแค่ไหนใครก็คาดเดาไม่ได้  คิดดูว่า แม้จะโดนยึดไป 7 หมื่นกว่าล้านแล้ว  แต่เขาก็ยังมีเงินทองจับจ่ายใช้สอยอีกมากมายในต่างประเทศ  ก็ถามว่า แล้วเขาได้เงินมาจากการค้าอะไรถึงได้ร่ำรวยรวดเร็วนักหละ  จำได้ใหม  ทักษินเคยเปิดอกกับนักข่าวครั้งหนึ่งว่า  ตอนที่ทำธุรกิจใหม่ๆยังล้มลุกคลุกคลานขนาดต้องแลกเช็คกับพรรคพวกอยู่บ่อยๆ  ซึ่งก็แสดงว่า การเงินช่วงแรกยังวูบวาบอยู่จนกระทั่งได้ดาวเทียมแล้วถึงจะนิ่งจนมีเงินเก็บ  ถูกต้องมั๊ย "
ช่างเขียน  - " ครับ แล้วพี่ว่า  ขบวนการช่วยทักษินนี้  มันเป็นอย่างที่อริสมันต์เคยพูดว่า เป็นแก้ว 3  ประการ คือ พรรคเพื่อไทย พวกเสื้อแดง และพวกกองกำลังไม่ทราบฝ่าย  เท่านั้นหรือ  ?  "
พี่ยอด  - "  โฮ๊ย มีมากกว่านั่นอีก  รู้ใหมว่า ขบวนการช่วยทักษินนี้ ถ้ามีโอกาสโจมตีสถาบันหลักของชาติได้ ไม่ว่าจะเกิดความเสียหายแค่ไหน เขาก็จะทำเลยทันทีโดยไม่รีรอ  ดูการทำงานของพวกนี้แล้ว  ก็จะเห็นว่า  มีการแบ่งงานกันทำเป็น 9 สาย 9 ทัพ คล้ายๆ สงครามเก้าทัพ เมื่อครั้งที่พม่ายกทัพมาตีไทยสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์นั่นเลยหละ  ทัพที่หนึ่งโจมตีในสภา  โดยพวกสส.เพื่อไทย  ทัพที่สองโจมตีนอกสภา โดยพวกเสื้อแดง พวกจีวรแดง    ทัพที่สามโจมตีสถาบัน  โดยกลุ่มพวกอาจารย์ในมหาลัย เช่น ไอ้หงอก ท่าพระจันทร์ที่สอนนักศึกษาให้วิจารณ์พวกเจ้าได้ กลุ่มไอ้ตี๋ทั้งนอกและในประเทศที่ชอบขุดคุ้ยเรื่องราวของพวกเจ้าและอียิ้ม สามย่าน ที่ว่า  อุปสรรคของประชาธิปไตยไทยคือ การปฎิวัติและกษัตริย์  เคยได้ยินชื่อพวกนี้มั๊ย  ทัพที่สี่โจมตีทางอินเตอร์เนท  โดยแนวร่วมพวกไม่ชอบเจ้า พบได้ที่ เวปประชาไทและฟ้าเดียวกัน  ทัพที่ห้าโจมตีทางคลื่นความถี่  โดยพวกพีทีวีและสถานีวิทยุชุมชน   ทัพที่หกโจมตีทางสิ่งพิมพ์ โดยเร็ดนิวส์และสื่อแดงที่แฝงผลุบๆโผล่ๆในหนังสือพิมพ์บางฉบับ เช่น สายข่าวการเมืองของไทยรัฐ  เคยดูการ์ตูนเซียมั้ย ไอ้นี่แหละตัวแสบ ทัพที่เจ็ดหน่วยจรยุทธชุดสีดำ ที่เล่นแต่อาวุธสงครามหนักๆ  และคลายปริศนาของผู้คนว่า  ทำไมระเบิดเอ็ม 79 ไม่เคยยิงไปโดนพวกเสื้อแดงเลยแม้แต่ครั้งเดียว  ทัพที่แปดฝ่ายสนับสนุนเสบียงอุปกรณ์และคน  มีเยอะมากทั้งในกรุงและต่างจังหวัด  เขาเป่านกหวีดปี๊ดเดียวไม่กี่นาที พวกเสื้อแดงแห่มาเป็นร้อย  ทัพที่เก้าแนวหน้าบนท้องถนน โดยพวกสี่ล้อและสองล้อ  ที่ได้มาสมัยกวาดล้างภัยสังคมและผู้มีอิทธิพล  อันนี้ยังไม่นับรวมพวกเกลือเป็นหนอน เช่น พวกแตงโม  มะเขือเทศ นะ   และขบวนการทั้งหมด คิดว่าฝ่ายข่าวกรองและความมั่นคงเขาก็รู้ดี  "
ช่างเขียน  - " อ๋อ พวกอาจารย์หัวมาร์กซิสต์ เคยได้ยินสิพี่  แหม พี่รู้ละเอียดดีจัง  "
พี่ยอด  - "  เวลานี้ เขาหงายไพ่เล่นกันหมดแล้ว  และคนในกรุงเทพเขาก็พูดคุยกัน เรื่องแบบนี้ก็ยังงี้แหละ  ก็ไม่ได้เป็นเรื่องลับลวงพรางอะไรเลย  "
ช่างเขียน  - "  แล้วที่พลเอก.ชวลิต เคยพูดว่า  ขบวนการล้มเจ้า นี้มีจริง  แล้วมันเป็นส่วนหนึ่งของสงครามเก้าทัพ ใหมครับ "  
พี่ยอด  - " อ๋อ มีจริงสิ  ขบวนการล้มเจ้าส่วนหนึ่งก็แฝงอยู่ในพวกมันนั่นแหละ  ก็รอแต่ว่าเมื่อไหร่ตำรวจจะจับก็แค่นั้นเอง รึว่าคนจะจับมันเป็นมะเขือเทศไปหมด พูดถึงไอ้แก่ปากแหว่งนี่เหรอ  พี่ถอดยศมันตั้งแต่สงครามบ้านร่มเกล้าแล้ว   และไม่เคยเรียกชื่อมันตรงๆเลย  แต่เราชอบจะเรียกมันว่า ไอ้ขงเบ๊ หรือ ม้ารับใช้ มากกว่า  "
 ช่างเขียน  - "  แล้วที่พวกต่างจังหวัดเขาเรียกร้องประชาธิปไตย และความยุติธรรมไม่มีสองมาตรฐานนี่  พี่คิดว่า  มันเป็นยังไง ครับ  "
พี่ยอด  - "  ไอ้เรื่อง ประชาธิปไตย นี่ เดิมเราก็มีของเราอยู่แล้ว  เพียงแต่ว่า มันเป็นประชาธิปไตยครึ่งใบ  ถ้าอยากได้เต็มใบ  เมื่อมีการเลือกตั้งครั้งต่อไป  ก็ให้ประชาชนเลือกแต่คนดีๆ  และเลิกขายเสียง อย่ารับเงินทองของพวกนักเลือกตั้งคนใด  แค่นี้คนไทยก็ได้ประชาธิปไตยดีๆกลับคืนมาแล้ว  ไม่ต้องมาเหนื่อยยากลำบากกับการกินนอนประท้วงอยู่บนท้องถนนอีก   ไอ้เรื่อง ความยุติธรรม นี่ ก็เป็นปัญหาจากระบบที่ล่าช้าอืดอาดและเรื่องมาก  อันนี้ไปยุ่งกะเขาไม่ได้  ส่วนไอ้เรื่อง  สองมาตรฐาน นั้น  ก็เป็นเรื่องคุณภาพของข้าราชการ ว่ากันว่า ข้าราชการโหลยโท่ยมีมากเกินความจำเป็นในหลายกระทรวงและทำงานก็หลายมาตรฐาน  ต้องแก้จุดนี้ด้วยการปลดข้าราชการห่วยๆออกเสียบ้าง  และการประพฤติมิชอบต้องมีบทลงโทษที่หนักกว่าเดิม  " 
ช่างเขียน  - " อธิบายได้เข้าใจง่ายดีครับ  แล้วเรื่องการชุมนุมนี่  พี่ว่ามันจะจบลงยังไง ครับ "
พี่ยอด  - "  คิดว่าทั้งฝ่ายแกนนำและรัฐบาลต้องรีบจบให้เร็วที่สุด  ก่อนที่มือที่สามจะออกมาป่วน  แล้วเรื่องก็จะไปกันใหญ่และจะไม่มีใครได้ดีอะไรเลย   เฮ๊ย  พี่ชักเหนื่อยแล้วสิ  หาอะไรกินก่อนดีใหม ดาวยกน้ำยกข้าวออกมาลูก   "
ช่างเขียน  - "  พักก่อนก็ดีพี่  คุยเรื่องเครียดแล้วมันก็เครียดจริงๆ  แหม ยังไง ต้องขอบคุณพี่มากที่ช่วยกระชับเรื่องให้แคบลง  แต่เห็นภาพได้กว้างขึ้น  งั้นวันนี้ผมจะยังไม่รบกวนพี่  ไว้มาคุยต่อวันหลังก็แล้วกัน   อืม เห็นอาหารบนโต๊ะแล้ว น่ากินจริงๆ  ขออนุญาตนะครับ พี่  "
  วันนี้  ทั้งเครียด ทั้งหิว ก็ขอจบตอนนี้ แค่นี้ก่อนนะ ครับ สวัสดี


อยากไปเร็ว ก็ให้รีบไป อยากไปไกล ก็ให้รอไปด้วยกัน
จับตา  สามยาม
10 พ.ค 2553