ค่ำวันเสาว์ที่ผ่านมาได้รับเชิญจาก จิ๊ด เพื่อนรุ่นน้อง ให้ไปทานข้าวสังสรรค์ที่บ้าน ในโอกาสเลี้ยงรับน้องสาวกลับจากอเมริกา พอไปถึงบ้านจิ๊ดตามเวลานัด ก็พบกลุ่มของ แจง น้องสาวจิ๊ดกับแฟนเธอและเพื่อนชายหญิงคู่หนึ่งนั่งคอยที่ระเบียงริมน้ำหลังบ้าน ส่วนจิ๊ดก็โผล่หน้ามากระซิบบอกให้จิบเบียร์กับทานกับแกล้มไปพลางก่อนเพราะอาหารยังทำไม่เสร็จ
แจง - " พี่ สบายดีนะคะ แหม้ หนูไม่ได้เจอพี่นี่ เกือบ 10 ปีได้ล่ะมั๊งตั้งแต่หนูเรียนจบ ก่อนจะไปนอกหนูก็ไปทำงานโรงแรมที่ภูเก็ตก่อน แล้วไปเจอแฟนฝรั่งที่นั่น คบดูใจกัน 2 เดือนเขาก็ขอแต่งงานและชวนไปอยู่อเมริกาด้วยกัน หนูก็ฝันอยากไปเมืองนอกมานานแล้วก็เลยตัดสินใจไปกับเขา อยู่ด้วยกันได้ไม่ถึงปีเค้าก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต แต่โชคดีที่เขาทิ้งบ้านเงินประกันให้ใช้ หนูก็เลยตัดสินใจอยู่เรียนต่อเอาปริญญาสาขาใหม่อีกใบ เพราะใบที่มีอยู่มันหางานยาก ก็เลยมีแค่กันหมาเห่า และหนูก็เพิ่งจบเมื่อเร็วๆนี้เอง ที่กลับมาเยี่ยมบ้านคราวนี้ก็ถือเป็นการฉลองปริญญาใบใหม่ด้วย อ้อ นี่ เอ แฟนใหม่หนูคะเขาเป็นคนไม่ค่อยชอบพูด ครอบครัวเค้าเป็นคนกรุงเทพ แต่อพยพไปอยู่ที่โน่นเกือบ 20 ปีแล้ว

เราก็เพิ่งคบกันได้ไม่ถึงปี ตอนนี้เค้าทำงานอยู่ที่ซีแอทเทิ้ล และนี่เพื่อนหนู ตุ๊ยหนุ่ย กับ ตุ๊ยหมิ่ง เขาเป็นพี่น้องกัน เปิดร้านอาหารไทยที่ ทาโคม่า ใกล้ๆซีแอทเทิ้ล คะ วันนี้พวกเราเพิ่งกลับจากไปเที่ยวหลวงพระบาง มาถึงนี่เมื่อบ่ายนี้เอง "
ช่างเขียน - " สวัสดีทุกๆคนครับ พี่ก็สบายดีเหมือนเดิมนั่นล่ะ เป็นไงหลวงพระบาง เห็นว่าสวยมากใช่มั๊ย พี่เองก็ยังไม่เคยไปเลย "


แจง - " โอ หลวงพระบางสวยมาก วิวเมืองลาวทั่วไปก็สวยหนูชอบมาก นี่ยังพูดกับเพื่อนๆเลยว่าถ้ามีโอกาสก็จะกลับมาเที่ยวอีก เอ้า ตุ๊ยหนุ่ย ตุ๊ยหมิ่ง แนะนำตัวเองให้พี่รู้จักซักหน่อย เดี๋ยวเราจะได้คุยกันสนุก "
ตุ้ยหนุ่ย - " บ้านหนูเคยเปิดสวนอาหาร ตรงแถวถนนเพ็ชรบุรีตัดใหม่คะ แล้วก็ย้ายไปอยู่ที่โน่นกว่า 20 ปีแล้วคะ หนูขี้เกียจเรียนก็จบแค่ไฮสคูล ก็เลยมาทำร้านอาหารกับน้อง "
ตุ๊ยหมิ่ง - " ผมหัวไม่ดีก็จบไฮสคูลเหมือนกัน แต่กลับมาเรียนวิชาทำอาหารที่เมืองไทย แล้วใช้ความรู้ที่ได้ มาทำงานเป็นกุ๊กที่ร้านตัวเองอยู่ทุกวันนี้ แหละครับ "
ช่างเขียน - " เออ การที่แจงได้ไปเรียนเมืองนอก มีข้อสังเกตุ เปรียบเทียบความแตกต่าง เรื่องการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยที่โน่นกับที่นี่ยังไงบ้าง ล่ะ "
แจง - " หนูก็เพิ่งรู้ว่า ที่อเมริกาเขาเน้นเรื่อง โปรเฟสเซ่อร์ผู้สอนมาก มากกว่าเรื่องความใหญ่โตสวยงามของอาคารสถานที่เสียอีก คือ เขาวางสัดส่วนของวุฒิผู้สอนไว้สูงมาก กำหนดว่า ผู้จบปริญญาเอกไปสอนวิชาหลักสำคัญๆนี่ต้องให้มีมากกว่า 60 ส่วนพวกจบโทตรีไปทำงานเป็นผู้ช่วยสอนไปเป็นพี่เลี้ยงนักศึกษานี่ รวมแล้วต้องไม่เกิน 40 แต่ที่หนูเคยเรียนในเมืองไทย มีปริญญาเอกเพียงคนเดียวแถมยังไม่สอนอีกต่างหาก แย่มาก แล้วทุกวันนี้เมืองไทยเรามีกฎเกณฑ์ในเรื่องนี้บ้างมั๊ยคะ "
ช่างเขียน - " พี่เคยอ่านบทความของฝรั่ง เขาเขียนชมสติปัญญาความเก่งกล้าของคนไทยว่า ที่เมืองไทยนั่นเรอะ แค่มีอาจารย์จบโท 9 คนเขาก็เปิดเป็นมหาวิทยาลัยได้แล้ว พูดแล้วอาย ไอ้เรื่องสัดส่วนวุฒิของผู้สอนในเมืองไทยเรา ฟังเขาว่า ก็มีสัดส่วนตั้งแต่ 10 -80 - 10 สำหรับมอใหม่ๆของรัฐ หรือ ที่เราๆชอบพูดแดกดันว่า มหาลัยชั้นสาม ก็ขึ้นไปจนถึง 30 - 60 - 10 ในระดับมอแถวหน้าเช่น จุฬา มหิดล สงขลาฯ แต่เขาว่าทุกวันนี้แม้กระทั่งจุฬาที่มีงบมากกว่าทุกสถาบันก็ยังทำไม่ได้เลย เหตุก็เพราะทางเอกชนเขาให้เงินเดือนพวกด็อกเตอร์มากกว่าหน่วยงานของรัฐตั้ง 2-3 เท่า ก็ลองคิดดูว่า ในเมื่อเมืองใหญ่ก็เป็นยังงี้แล้วทางต่างจังหวัดจะหาได้ยากแค่ไหน "
แจง - " เออ อีกเรื่องนึงที่หนูงงมากเลย คือ ทำไมฝรั่งเขาถึงเลือกกรุงเทพและเชียงใหม่เป็นเมืองน่าเที่ยวที่สุดอันดับ 1 - 2 ของโลกในปีนี้ล่ะคะ ทั้งที่ข่าวความไม่สงบวุ่นวายในกรุงเทพก็ดังขึ้นหน้าหนึ่งของโลกตั้งหลายสัปดาห์ แถมที่เชียงใหม่ก็เรื่องความรุนแรงเหมือนกัน ล่ะพี่ "

ช่างเขียน - " ก็ทางฝ่ายนิตยสารผู้จัดการประกวดเขาเก็บผลโหวตเอาแค่เดือนมีนาคม แต่เหตุประท้วงมันรุนแรงเอาในเดือนเมษายนใช่มั๊ย งานนี้กรุงเทพและเชียงใหม่ก็เลยรอดตัว ไงล่ะ "



แจง - " คนโหวต เค้ามีเกณฑ์ตัดสินจากอะไรคะ เพราะหนูก็เห็นว่าเมืองอื่นเขาก็มีพอๆกัน "
ช่างเขียน - " อ้อ ก็มีอยู่ 6 ข้อ คือ เรื่องความสวยงาม กรุงเทพเชียงใหม่ก็ผ่าน เรื่องประเพณีศิลปวัฒนธรรม เราก็ได้ ยิ่งเรื่อง อาหารการกินนี่ เป็นที่ร่ำลือเลยเชียว เรื่องแหล่งช็อปปิ้ง ทั่วโลกเขาก็ยกให้กรุงเทพเป็นสวรรค์ของนักช็อป แล้วเรื่องความเป็นมิตร คนไทยก็กินขาดในเรื่องน้ำใจไมตรี ที่สำคัญข้อสุดท้ายก็คือ กรุงเทพเชียงใหม่ มีค่าใช้จ่ายต่ำที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับเมืองอื่นๆ "
.jpg)






แจง - " แล้วเมืองนครฯของเรา แถวรอบนอกเขามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างใหมคะ แล้วพี่คิดว่าอีกนานมากมั๊ยที่จะพัฒนาบ้านเมืองให้เหมือนเขาบ้าง ให้มีคนมาเที่ยวมากๆ "
ช่างเขียน - " ก็เหมือนเดิม แต่ความสะดวกก็มีมากขี้น เดี๋ยวนี้ไปเที่ยวตามอำเภอรอบนอก จะมีร้านขายของสะดวกซื้อแทบทุกหมู่บ้าน แต่โอกาศที่บ้านเราจะพัฒนาไปถึงจุดที่พูดนั้น ก็ยาก ต้องตายแล้วเกิดใหม่อีกหลายรอบ เชียวล่ะ "
แจง - " เพราะอะไรคะ แล้วที่พวกเสื้อแดงพูดถึงอำมาตย์ 2 มาตรฐาน ความเหลื่อมล้ำ มันเกี่ยวข้องกับการพัฒนาบ้านเมืองมั๊ยคะ พี่ "
ช่างเขียน - " การพัฒนาบ้านเมืองนี่ มันต้องเดินไปด้วยกันทุกภาคส่วน ตั้งแต่ข้าราชการ นักการเมืองและประชาชน แต่เมืองไทยมันมีปัญหาที่คนและระบบ ความไม่ทั่วถึงของงบประมาณ โดยเฉพาะทางอีสานบ้านเรา จะเห็นว่า ฝ่ายข้าราชการเขาก็จะก้มหน้าก้มตาทำแต่งานของเขา ส่วนนักการเมืองก็คิดแต่จะหาผลประโยชน์เข้าตัว ไม่มีใครคิดถึงประชาชนเลย ก็ถูกของพวกเสื้อแดงเรื่องนึงที่คิดจะโค่นล้มอำมาตย์ ถ้าเขาตีความหมายของอำมาตย์ว่า คือ ข้าราชการ ตำรวจ ทหารที่เป็นคนไม่ดีนะ แต่เผอิญมันไม่ใช่ เพราะผู้อยู่เบื้องหลังพวกเสื้อแดงเขาเขามองสูงกว่านั่นมากจนคนทั้งประเทศเขาตกใจ แผนการเสื้อแดงก็เลยเจ๊งไงล่ะ "
จิ๊ด - " พี่ขา อาหารเสร็จแล้วขอเชิญข้างในคะ แจง พวกเราด้วย ลุกมาเร้ว "
ช่างเขียน - " เอ้า เชิญๆพวกเรา ได้เวลาอาหารแล้ว เดี๋ยวเรากินไปคุยไปต่อก็ได้นะ "
จบ ตอน 1 สวัสดีครับ