ขอให้ชาวนครพนม คัดค้านการนำเอาพระธาตุพนม ไปประดับบนยอดหลังคาอาคารด่านศุลกากรนครพนม ที่สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 3 จังหวัดนครพนม

20 ก.ย. 2553

คน กับโลกกว้าง แต่ทางแคบ ( ตอนจบ )

      เมื่อพวกเราเข้าไปในบ้าน  จิ๊ด จัดโต๊ะอาหาร 2 ตัวต่อกันที่ห้องโถงหน้าบ้าน มีเก้าอี้ 12 ตัวและบนโต๊ะมีเตาหมูกะทะ 2 ชุดกับจานอาหารหลายอย่าง

ช่างเขียน  - เอ้า จิ๊ด  จัดโต๊ะยาวอย่างนี้  แสดงว่ายังจะมีแขกมาเพิ่มอีก รึ
จิ๊ด  - คะ  ก็วันนี้ พี่หน่อย แฟนหนูเขามีข่าวดีได้ย้าย ก็เลยชวนพรรคพวกมาร่วมฉลองด้วย  ตอนนี้กำลังเดินทาง พี่ขา  วันนี้หนูจัดหมูกะทะเป็นตัวชูโรงนะคะ  แต่ก็มีกับแกล้มรสแซ่บๆถูกใจคอเบียร์  มาเสริมอีกหลายอย่างคะ
            "หน่อย" แฟนของจิ๊ดทำงานเป็นปลัดที่ อบต.แถวๆกาฬสินธุ์ทำงานอยู่หลายปี ตอนนี้กำลังทำเรื่องขอย้ายกลับมาอยู่ใกล้ๆบ้าน
ช่างเขียน  -  ดีจ๊ะ เอ้า  พวกเราช่วยกันเอาผัก เอาหมูลงกะทะ
แจง  - น่ากินจัง พี่จิ๊ด ยำทะเล ไก่อบ ส้มตำปูก็มี  ของโปรดหนูเลย  เห็นสีส้มตำแล้วท่าทางจะเผ็ดมาก  ตุ๊ยหนุ่ย ตุ๊ยหมิ่ง ทานเผ็ดได้ มั๊ย
ตุ๊ยหนุ่ย  - ได้จ๊ะ  แต่ตุ๊ยหมิ่งคงไม่ไหว
ตุ๊ยหมิ่ง  -  ผมกินเผ็ดสุดๆ  ก็พริกเม็ดเดียวครับ









แจง  - จริงๆ พวกเรากินของขบเคี้ยวจากข้างนอกก็อิ่มได้ครึ่งท้องล่ะมั๊ง  แต่เห็นอาหารแบบนี้แล้ว ก็รู้สึกอยากกินขึ้นมาอีก
ตุ๊ยหนุ่ย  - พี่คะ  ส้มตำปู นี่ เป็นสูตรอาหารอีสานแท้ๆมั๊ยคะ
ช่างเขียน  - ไม่ใช่  อีสานแท้ๆก็ส้มตำปลาร้า  ไอ้พวกตำแตง ตำซั่ว ใส่โน่นใส่นี่ มันประยุกต์ตามยุคตามนิยม  ถ้าจำไม่ผิดก็น่าจะเป็นสมัยราวๆ 40 - 50 กว่าปีก่อนที่คนอีสานอพยพเข้าไปหาทำงานในกรุงเทพมากๆ  ในตอนนั้นเริ่มมีร้านส้มตำไก่ย่างแบบอีสาน  ขายแข่งกับส้มตำไก่ย่างของคนกรุง  คนอีสานกลัวว่าคนกรุงจะไม่นิยมกินส้มตำปลาร้า  ก็เลยดัดแปลงใส่นั่นนี่ให้มีเลือกหลายแบบซึ่งก็ได้รับความนิยมขึ้นมา  คล้ายกับคนไทยทำอาหารไทยให้ฝรั่งกิน  ก็ต้องลดความเผ็ดและสัดส่วนเครื่องปรุงลงให้เขากินได้
ตุ๊ยหมิ่ง  - แล้วชาวบ้านทั่วไปที่นี่ เขานิยมทานข้าวเจ้าหรือข้าวเหนียวครับ
ช่างเขียน  - ข้าวเจ้าสิ  เป็นส่วนใหญ่  ก็ด้วยอิทธิพลของหม้อหุงข้าวไฟฟ้าไง  สะดวก ประหยัดทั้งเงินทั้งเวลา แถมกินร้อนได้ตลอดเวลา  ข้าวเจ้าลิตรนึงกินได้ทั้งบ้าน  ส่วนการหุงข้าวเหนียวต้องใช้หลายลิตรและยุ่งยากกว่า  ที่สำคัญคือ ข้าวเหนียวถ้าไม่ร้อนก็แข็งกินไม่อร่อย  












เอ  - วัยรุ่นตามหมู่บ้านรอบนอกเขาชอบฟังลูกทุ่ง หมอลำอะไรแบบนี้มั๊ยครับ
ช่างเขียน  - เดี๋ยวนี้ไม่เลย  วัยรุ่นกรุงเทพฟังอะไร  ที่นี่เขาก็ชอบแบบนั้น อย่างบอดี สแลม โปเตโต้ หรือ ริทแมนทอย อะไรแบบนี้
      เสียงรถยนต์ขับเข้ามาในบ้าน พร้อมกับมีเสียงเปิดปิดประตูรถ
จิ๊ด  - พี่หน่อย มาถึงแล้ว
       ชั่วอึดใจ  ก็เห็น หน่อย แฟนจิ๊ด เดินนำหน้าชาย 3 หญิง 1 เดินหิ้วถุงพะรุงพะรังเข้ามาในห้อง
หน่อย  - หวัดดีพี่ใหญ่  เอ้าพวกเราหวัดดีพี่เขา
ช่างเขียน  - สวัสดีทุกๆคน เชิญๆนั่งครับ
หน่อย  - จิ๊ด เอาพวกนี้ไปใส่จาน  ผมไปแวะซื้อของอร่อยที่กาฬสินธุ์มาเพิ่มอีก  ก่อนอื่นผมขอแนะนำพวกน้องๆให้พี่รู้จักครับ นี่ศักดิ์กับจิ๋ม เป็นแฟนกันอยู่การเงินที่ อบต.  นี่  หมู ผู้ใหญ่บ้านหนุ่มปริญญาโท  คนนี้มุขเยอะบ้านอยู่ใกล้กัน  นี่ผู้หมวดแป๊ะ รูปหล่อคนเมืองเพ็ชรฯ พอเรียนจบก็ลงมาบรรจุที่กาฬสินธุ์เป็นที่แรกเลย ก็อยู่มา 2 ปีแล้วสาวๆติดตรึม โรงพักก็อยู่ติดกันกับที่ทำการ  เรากินข้าวด้วยกันประจำ  เออ ให้แจงแนะนำเพื่อนจากเมืองนอกให้รู้จักด้วย
แจง  - แจง เป็นน้องพี่จิ๊ดคะ  และนี่ เอ แฟนแจง  และนี่ คุณตุ๊ยหนุ่ย กับคุณตุ๊ยหมิ่ง เป็นพี่น้องกันเปิดร้านอาหารไทยที่อเมริกา คะ
ช่างเขียน  - วันนี้ จิ๊ด เขาเตรียมทั้งวิสกี้และเบียร์  แต่วันนี้เบียร์เย็นถูกใจดีเหลือเกิน ใครจะรับเบียร์เหมือนผมบ้าง


หน่อย  - คงมีหมวดแป๊ะ คนเดียวที่ชอบเบียร์  นอกนั้นวิสกี้  เอา พวกเราลองหมูกะทะฝีมือแฟนผมหน่อยซิ
จิ๋ม  - หมูนุ่มอร่อยคะ
ศักดิ์  - ยำก็แซ่บดีครับ






ช่างเขียน  - เอ ผู้หมวด ขอถามหน่อยที่มาทำงานที่อีสานนี่ เราเลือกเองหรือจับสลากได้ครับ
หมวดแป๊ะ  - เลือกเองครับ  ผมชอบภาคอีสานและฟังภาษาอีสานได้นิดหน่อย เพราะตอนเล็กๆเคยอยู่อีสานกับคุณพ่อซึ่งเป็นตำรวจเหมือนกัน   ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนว่าเราเป็นคนท้องถิ่นนะ แต่ตอนนี้อยู่มา เกือบ 2 ปีแล้วก็ยังรู้สึกเหมือนคนแปลกหน้าอยู่ ที่ยังรู้สึกแปลกๆ ก็คือ ตำรวจต่างจังหวัดนี่เขานินทากันเก่งมาก 
ตุ๊ยหนุ่ย  - เหรอคะ  นึกว่าจะเป็นแต่พวกผู้หญิง  แล้วมีตำรวจหญิงออกมาทำงานต่างจังหวัดบ้างมั๊ยคะ
หมวดแป๊ะ  - อันนี้ไม่ทราบครับ
หมู  - ขอถามเชาวน์กับคนอยู่เมืองนอกหน่อย  คุณตุ๊ยหนุ่ย ทราบใหมครับว่า  มีผู้หญิงคนนึงจับผู้ร้ายเก่งกว่าตำรวจ  ผมให้เวลาคิด 1 นาที
ตุ๊ยหนุ่ย  - ไม่ทราบจริงๆ มีใครรู้บ้างล่ะ
ตุ๊ยหมิ่ง  - รู้แล้ว  ผูู้หญิงคนนี้ไม่เคยแก่เลยใช่มั๊ย
หมู  - ใช่
ตุ๊ยหมิ่ง  - เธอชื่อ ละม่อม ใช่มั๊ย
หมู  -  เออ เก่ง  ถูกต้องแล้วครับ  แล้วรู้ได้ไงครับ
ตุ๊ยหมิ่ง  - ที่โน่น  เราก็ดูข่าวเมืองไทยผ่านดาวเทียม  ทุกวันก็มักได้ยิน " จับคนร้ายโดยละม่อม " อยู่เป็นประจำครับ
หมู  - ยังมีคนเก่งกว่าคุณละม่อมอีก  คราวนี้เป็นผู้ชาย  แทบจะไม่ต้องออกแรงเลย
เอ  - คุณจำนน  ใช่ใหมครับ  " ผู้ร้ายยอมจำนน "
หมู  - ถูกต้อง เก่งจัง เอ้อ ผมนึกว่าคนอยู่เมืองนอกจะไม่ค่อยรู้อะไรแบบนี้  สรุปว่าผู้หญิงผู้ชายคู่นี้เก่งกว่าตำรวจ  แล้วตำรวจเรามีเรื่อง อะไรที่เก่งมั่งล่ะ
จิ๋ม  - จับหมวกกันน็อคไง พี่ใหญ่คะ  ลูกหนูเรียนในเมืองกาฬสินธุ์ เมืองนี้พวกตำรวจชอบตั้งด่านตรวจจับใบขับขี่หมวกกันน็อคแทบทุกวัน  ลูกหนูถูกจับเป็นประจำ เดือนๆนึงเสียเป็นพัน  ลูกหนูไม่ได้ขับรถเร็ว หมวกก็ใส่ ขาดแต่ใบขับขี่ ก็อายุ 15 - 16 เอง ขี่รถมาดีๆก็โบกให้หยุด  ตำรวจก็น่าจะรู้ว่า  เด็กนักเรียนส่วนใหญ่ไม่มีใบขับขี่  แต่เขาก็ไม่งดเว้น  ตอนนั้นตำรวจกาฬสินธุ์เป็นข่าวดังหน้าหนึ่งเลย  พูดตรงๆหนูเกลียดพวกจราจรเป็นที่สุด












การตั้งด่านตรวจ ไม่ติดป้ายให้ถูกต้องตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ


หน่อย  - กฏหมายมีเบาไปหาหนัก จะปรับก็ได้  แต่จราจรเขาคงทำตามนายสั่ง  มากกว่าจะทำตามกฏหมาย นี่ก็คงเป็นปัจจัยหนึ่ง  ที่คนเขาอยากปฏิรูปตำรวจ
เอ  - การตั้งด่านตรวจบนถนนที่อเมริกานี่เป็นเรื่องยากนะครับ  เพราะการทำให้ประชาชนเดือดร้อนเกิดความไม่สะดวกในการสัญจรนี่เขาฟ้องได้  เว้นแต่จะมีเหตุจำเป็นจริงๆเช่น  กรณีที่มีผู้ร้ายแหกคุก ปล้นธนาคาร หรือ ตรวจจับพวกหลบหนีเข้าเมือง หรือ ตรวจจับขบวนการขนยาเสพติด  และตำรวจต้องอยู่ในสภาพเตรียมพร้อมอาวุธครบในมือ






ช่างเขียน  - สู้พี่ไทยไม่ได้  ตำรวจฝรั่งถืออาวุธ ตำรวจไทยถือใบสั่ง แถมการตั้งด่าน นึกอยากตั้งก็ตั้ง  ก็อีแค่มือข้างนึงถือแฟ้มใบสั่ง อีกมือก็ลากป้ายสามเหลี่ยมมาตั้งกลางถนนก็จบ  พอจับได้หนำใจแล้วก็เอาเงินรางวัลไปแบ่งกัน  จนพวกสื่อญี่ปุ่นเอาไปเขียนว่า  ประเทศไทยมีการตั้งด่านเพื่อตรวจใบขับขี่ฟุ่มเฟือยที่สุดในโลก  ความจริงแล้วของเราก็มีกฏหมายมีระเบียบเหมือนๆกับฝรั่งเขานั่นแหละ ไม่งั้นคนต่างชาติจะกล้าใช้ใบขับขี่สากลมาขับรถในเมืองไทยได้อย่างไร   เพียงแต่ว่าตำรวจไทยไม่ค่อยชอบทำอะไรให้มันถูกต้อง  ชอบทำอะไรที่มักง่ายให้คนเขาเกลียด เขาด่า


ตุ๊ยหมิ่ง  - พี่พูดยังงี้เหมือนตำรวจเราด้อยพัฒนาล้าหลังนะ  ฟังแล้วผมอายแทนคนไทย  พูดถึง การใช้อำนาจของตำรวจที่โน่น  เขาจะดูความปลอดภัยเอาไว้ก่อน  โดยมีหลักที่ว่า " กันดีกว่าแก้ "  คือ  ถ้าเขาพบว่าใครขับรถเร็วหรือขับรถส่ายไปมาน่าหวาดเสียว ถ้าปล่อยให้ขับต่อไปก็อาจทำให้คนอื่นมีอันตรายได้   ถ้าเกิดมีลักษณะแบบนี้ เขาถึงจะโบกให้หยุด เพื่อตรวจอัลกอฮอล์ หรือขอดูใบขับขี่ก่อนออกใบสั่ง  แต่ถ้าเขาขับรถมาดีๆ  แล้วตำรวจไปโบกให้หยุดรถโดยไม่มีเหตุผล  ถ้าโดนร้องเรียนแล้วอาจถูกสั่งพักงานได้



ศักดฺ์  -  ผมเคยอ่านบทความ  ที่มีคนเสนอให้โอนงานจราจรไปให้องค์กรปกครองท้องถิ่นเขาดูแลแทนตำรวจ  พี่เคยเห็นผ่านตาใหมครับ  แล้วพี่คิดว่าเขามีเหตุผลอะไร
ช่างเขียน  - เคยอ่าน  เขาก็มีเหตุผลที่ว่า  ตำรวจจราจรรักษากฏหมายจราจรไม่ได้นะสิ  ก็ลองคิดดูง่ายๆ  อย่างที่สนามบินสุวรรณภูมิไม่มีเวลาเปิดปิด  ก็เพราะ มีเครื่องบินขึ้นลงตลอด 24 ชั่วโมง  ทางสนามบินเขาก็ต้องมีพนักงานอยู่ปฏิบัติหน้าที่ตลอดเวลาเหมือนกัน   อย่างที่โรงพยาบาลเขาต้องมีหมอพยาบาลคอยบริการคนไข้ทั้งในเวลาราชการและหลังเวลาฯ ก็เพราะ เรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วยนี่มันห้ามกันไม่ได้  แล้วบนถนนที่ยาวเป็นสิบเป็นร้อยกิโล แถมยังมีรถวิ่งทั้งวันทั้งคืนนี่ ใครจะดูแลได้  เพราะก็รู้ๆกันอยู่ว่า  จราจรเขาก็ทำงานตามเวลาราชการ 8 โมงเช้าออก 5 โมงเย็น ถ้าให้จราจรทำหน้าที่ต่อไป  ก็จะต้องโดนกล่าวหาว่าละเว้นหน้าที่  เรื่องโอนงานนี้ไปให้ท้องถิ่นเขาดูแลแทนตำรวจนี่  พี่ก็เห็นด้วยนะ  เพราะทางท้องถิ่นเขาพร้อมทั้งเงินทั้งคน
       เอ้า เห็น แจงกับเพื่อนๆหาวกันใหญ่แล้ว  พี่ว่าไปพักผ่อนเถอะวันนี้ก็นั่งรถมาทั้งวันแล้วนะ  ส่วนพี่ก็จะขอตัวกลับเหมือนกัน  แจง วันนี้กับข้าวอร่อยทุกอย่างขอบคุณมาก  หน่อย พี่กลับก่อนนะ  หมวดแป๊ะถ้ามีโอกาสมานครฯอีก ก็โทรบอกด้วย  ลาแล้วนะ  สวัสดีทุกๆคน
       

อยากไปเร็ว  ก็ให้รีบไป   อยากไปไกล  ให้รอไปด้วยกัน

จับตา  สามยาม