เมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ช่างเขียน ก็ได้เข้ากรุงเทพไปประชุมวิชาการกับสภาสถาปนิกเขา ซึ่งในตอนท้ายของการประชุม ที่เป็นช่วงการเปิดโอกาศให้ผู้ร่วมประชุมได้ซักถามและแสดงความคิดเห็นในเรื่องปัญหาต่างๆ ในครั้งนี้ ช่างเขียน ก็มีโอกาศได้พูดในที่ประชุมด้วยถึง เรื่อง จรรยาบรรณต่อสาธารณะ ( ไม่ใช่ผู้ว่าจ้าง ) กับงานออกแบบสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่จังหวัดนครพนม
ยอดของหลังคาอาคารด่านศุลกากรนครพนม ออกแบบเป็น " กุฏาคาร หรือ เรือนยอด "
มีปลียอด ของเรือนยอดเป็นรูปทรงพระธาตุพนม
กุฏาคาร หรือ เรือนยอด เป็นรูปแบบของส่วนต่อยอดของหลังคา
ที่มีธรรมเนียมการใช้ในงานสำหรับพระมหากษัตริย์ และ ศาสนา เท่านั้น
โดย " ฐานานุศักดิ์ " ทางสถาปัตยกรรมไทยแล้ว อาคารสาธารณะอย่างนี้
ถึงจะเป็นงานระดับชาติ ของหน่วบงานราชการ ก็ไม่มีสิทธิ์จะใช้ " กุฏาคาร "
เป็นไปได้ใหมว่า " นี่จะเป็นแบบอย่าง " ให้ที่อื่น นำสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาประดับอาคารได้

เม็ดบัวหัวเสา ที่เสาใหญ่ขนาบข้างสะพาน เป็นรูปทรงพระธาตุพนม
ไม่รู้จะตั้งใจ ให้ผู้คนที่ผ่านสะพาน ต้องยกมือไหว้ พระธาตุพนม หรือ สะพาน กันแน่
ถ้าเกิดเศรษฐีหรือคนมีสตังค์ จะทำอย่างนี้บ้าง ถามว่า จะมีใครห้ามได้ใหม ?
ส่วนยอด หรือ " เรือนยอด " ของอาคารเจ้าปัญหา จะแก้ก่อน หรือ จะทุบทีหลัง
ทรวดทรงแหลมที่ลดหลั่นเป็นชั้นๆขององค์พระธาตุพนม มีสัดส่วนที่ลงตัวและงดงามจริงๆ
การจะนำไปใช้งานใดๆก็ตาม ก็ต้องเพื่อการเคารพสักการะ ไม่ใช่เพื่อการประดับตกแต่ง
ว่า การที่ผู้ออกแบบนำเอาพระธาตุพนมซึ่งเป็นสิ่งเคารพศักดิ์สิทธิ์มาใช้ประกอบเป็นยอดอาคารเพื่อความสวยงาม มากกว่าเพื่อการสักการะนั้น เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมบังควร จะกระทบอย่างรุนแรงกับความรู้สึกของชาวพุทธทั้งหลายและได้เสนอแนะให้ฝ่ายจัดการก่อสร้างฯเขาต้องแก้ไขอะไรยังไงไปแล้วแต่เรื่องก็เงียบ เลยมาฝากเรื่องให้ สภาสถาปนิกและสมาคมสถาปนิกสยามช่วยตรวจสอบและติดตามเรื่องนี้ให้รีบด่วนด้วยก่อนจะสายเกินแก้ เพราะแก้วันนี้ก็ยังถูกกว่าไปแก้ในวันหน้า แถมค่าใช้จ่ายในการแก้ไขต้องไม่ใช่เงินภาษี แต่มันต้องเป็นเงินของผู้รับเหมาเองเพราะรู้อยู่แล้วว่ามีผู้ไม่เห็นด้วยเขาเสนอให้แก้ไขมาแต่แรก และเรื่องนี้มันต้องรีบๆก่อนที่จะสายเกินแก้
พูดก็พูดเถอะ บ้านเมืองเรามันจะอยู่ได้ยังไง ถ้ามีใครซักคนคิดจะทำอะไรตามใจตัวเองโดยไม่ได้คำนึงถึงระเบียบแบบแผนอันดีงามของสังคม ที่จะนำมาซึ่งผลกระทบความเชื่อความศรัทธาและอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของผู้คนส่วนใหญ่ในบ้านเมือง
ที่ทำการ สภาสถาปนิกแห่งประเทสไทย ถนนพระราม 9 กทมฯ
ลงทะเบียนรับ พวต. หลังการประชุม
ประชุมเสร็จ
เมื่อเสร็จการประชุมเรื่องเครียดๆแล้ว ก็บังเอิญไปเจอเพื่อนรุ่นน้องสมัยเรียนกลุ่มหนึ่งเข้า ด้วยนานทีปีหนจะได้เห็นหน้า ก็เลยชวนกันไปหาที่นั่งคุยต่อ แต่เนื่องด้วยสถานที่ประชุมอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์ สามารถไปได้ไกลกว่านี่ ก็เลยขึ้นรถไฟฟ้าฯไปลงย่านราชประสงค์เพื่อเลือกหาร้านเก๋ๆนั่งจิบกาแฟคุยกันดีกว่า
สถานีมักกะสัน
ขึ้นรถแอร์พอร์ตลิ้งค์ ที่สถานีรามคำแหง ไปลงสยาม
รถด่วนเอ็กซ์เปรสผ่านหน้า สายนี้วิ่งตรงจากสุวรรณภูมิไปถึงพญาไทไม่จอดแวะ
ภายในรถแอร์พอร์ตลิ้งค์
สยามพารากอน
ลานทางเดินด้านหน้า สยามพารากอน แต่งได้สวยงามเพื่อรับเทศกาลพิเศษ
วันนี้อากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใส ไม่มีฝน
ภายในสยามพารากอน เย็นฉ่ำหรูหราสวยงาม
เมื่อหาดูร้านที่มีคนน้อยและเงียบได้ถูกใจ ก็แหมะก้นให้รากงอก แล้วมาถกกันต่อเรื่อง พระธาตุพนมที่หลังคาอาคารด่านศุลกากรมนครพนม เพราะโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงเป็นงานใหญ่ระดับประเทศ อีกอย่างกลุ่มนี้เคยวิสัชนาเรื่อง " อุจจาระสุนัขก้อนนิดเดียว " ก็ข้ามคืนไปอีกวัน แล้วงานใหญ่อย่างนี้ จะแค่ไหนก็ไม่อาจคาดเดา

น้อย สถาปนิกจากนครศรีฯ " ถ้ามีคนออกแบบเอา พระบรมธาตุฯไปตั้งบนยอดหลังคาสถานที่ราชการเพื่อเป็นขวัญกำลังให้พนักงานฯ แบบนี้ ผมก็เอาตายเหมือนกัน พี่ มันคิดได้ไง แล้วเอาอะไรคิดน้อ "
ขจร สถาปนิกฝั่งธนฯ " ผมเชื่อว่า คงไม่มีใครกล้าเอาพระปรางค์วัดอรุณไปแหมะบนยอดตึกเหมือนกัน ใครคิดได้แบบนี้ ผมว่ามันทั้งบ้าทั้งโง่และเสียสติ ครับ "
หนุ่ม สถาปนิกเมืองเหนือ " ถ้ามีคนแอบเอาพระธาตุดอยสุเทพ ไปใช้ในลักษณะนี้ ผมจะยื่นเรื่องต่อสภาสถาปนิก ให้ถอดถอนใบอนุญาตฯ ของมันเลยล่ะ "
ติ๊ก สถาปนิกชาวคริสต์เตียน " ผมอ่านเอกสารของพี่แล้ว คิดว่าคนออกแบบระดับนี้ เขาน่าจะแยกแยะออกนะ ระหว่าง สิ่งเคารพ กับ สัญลักษณ์ของจังหวัด พี่ว่าคนออกแบบเขาจบรุ่นไหนและเป็นยังไงครับ "
ช่างเขียน " เห็นหน้าตาแล้ว คงไล่เรี่ยกับพวกเรานั่นแหละแต่ไม่รู้ว่าจบที่ไหน ในเบื้องต้นนี่ พี่ว่าเขาคงไม่ใช่ไทยพุทธนะ ต่อมาเมื่อได้ฟังเขาดีเฟนด์ ความคิดและเหตุผลในการออกแบบของเขาแล้ว รู้สึกว่า เขามีจินตนาการมากเกินข้อเท็จจริง นอกจากการถือวิสาสะใช้พระธาตุพนมแล้ว ก็ไม่ได้มีรายละเอียดอะไรที่เกี่ยวข้องกับนครพนมหรืออีสานเลย ไม่มีอัตลักษณ์ของท้องถิ่นแม้แต่น้อย อาจจะพูดได้ว่า เขาอยากอวดความเก่งกาจของเขามากกว่าที่จะทำอะไรเพื่อชาวนครพนม "
หนุ่ม " ผมเห็นด้วยกับพี่นะครับ ที่เขาอ้างว่า ได้ความคิดจากวัดอีสานทางเหนือ แต่อาจจะเหนือเลยอีสานไกลไปจนถึง เชียงใหม่และหลวงพระบางโน่น เหมือนว่า เขากล้าสะ-ตอกับพี่นะ แล้วคิดว่า ข้ออ้างเหตุผลแค่นี้ จะรอดมือพี่ เรอะ "
ช่างเขียน " ก็ร้องเรียนไปถึงผู้ว่า ฯ เกือบปีแล้วแต่เรื่องก็เงียบ แต่ตอนนั้นแกไม่สบายจริงๆ เลยให้รองผู้ว่าฯ ปฎิบัติหน้าที่แทน เออ รองผู้ว่าฯ คนนี้เขาเรียนสวนกุหลาบรุ่นเดียวกับ ไอ้หมา เพื่อนพี่นะ จำได้ใหม "
น้อย " อ๋อ พี่หมา วัฒนาฯ จำได้ครับ พูดถึงเด็กสวนฯ จริงแล้วก็มีคนเก่งหลายคน แต่ในวันนี้ หลายคนก็มีความคิดน่ากลัว และมีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อความสงบสุขของบ้านเมือง "
ขจร " เฮ๊ย ไอ้น้อย นี่เอ็ง กำลังจะลากพี่เขาเข้าเรื่องการเมืองแล้ว แต่พี่คุยเรื่องการเมืองได้มั๊ยครับ "
ช่างเขียน " ได้สิ "
ติ๊ก " เรื่องการเมืองนี่ พี่สีอะไรครับ "
ช่างเขียน " พี่มี 3 สี ไม่ชอบสีเดียวโดดๆไม่ว่าจะสีอะไร พวกเราก็รู้เรื่องทฤษฎีสีดีนี่ การเล่นแม่สีแท้ๆที่มี 3 สี น้ำเงิน เหลือง แดงนี่ ใช้สีเดียวมันแรงไปต้องมีคู่สีด้วยถึงจะลงตัว จริงมั๊ย ว่าแต่พวกเราเหอะ มีใครเล่น " สงครามสี " กะเขาบ้าง "
น้อย " โอ๊ย ไม่มีหรอกครับ พวกเราแค่ชอบติดตามข่าวการเมือง แต่ไม่ได้คิดจะฝักใฝ่หรืออยากไปร่วมชุมนุมอะไรกับใคร เพราะเรามีสมองของเราเองคิดเองได้ ไม่ต้องไปเชื่อไปฟังใครที่ไหนก็ไม่รู้หน้าตาโจรๆ ที่สำคัญคือ มันเสียเวลาทำมาหากิน ยิ่งหมู่นี้คนก็ตกงานอยู่บ่อยๆ "
ขจร " ผมเคยไปกินข้าวบ้านเพื่อนโรงเรียนเก่าครั้งนึงเมื่อเร็วๆนี้ โอ้โฮ ก็เพิ่งรู้ว่า เดี๋ยวนี้มันแดงกันทั้งบ้าน กินข้าวไป ก็ด่าไป เขาด่าหมดครับ ครบทุกสถาบันสำคัญ ผมสังเกตุดูหน้าตาคนบ้านนี้ ตอนที่เขาด่านี่ มันดูซีเรียท ถมึงถึงเอาเป็นเอาตาย น่ากลัวครับ คิดว่าบ้านนี้ผมจะไม่ไปเหยียบอีกแล้ว มันคนละรสนิยมจริงๆ "
น้อย " ผมไม่เข้าใจการเรียกร้องของเขา เรื่องประชาธิปไตย และ เรื่อง 2 มาตรฐานครับ พี่ "
ช่างเขียน " พวกที่พูดถึงเรื่องประชาธิปไตยนี่ คือ เขาไม่ชอบการปฎิวัติของทหาร ส่วนพวกที่พูดเรื่อง 2 มาตรฐานนี่ เขาต้องการให้กระทบระบบระบอบของประเทศเผื่อว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลง แปลกที่เขาไม่ได้บอกว่ามาตรฐานใดที่เขาต้องการ ในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว ชีวิตของคนเรานี่ มีมากมายหลายมาตรฐานไม่เท่ากันขึ้นกับการกระทำของแต่ละคน เพราะถึงจะเกิดตายเหมือนกัน แต่ความดีเลวโง่ฉลาดเก่งห่วยก็ไม่มีทางเท่ากัน ดูตัวอย่างฟุตบอลไทยที่กำลังฮ็อตฮิทในวันนี้ เห็นข่าวการชกกันหรือการทำร้ายกันของนักบอลกับนักบอล กองเชียร์กับกองเชียร์ กองเชียร์กับกรรมการแล้ว ก็ไม่อยากพูดถึงมาตรฐานการไปฟุตบอลโลกเลย เอาเป็นว่า มาตรฐานแบบนี้ ก็ต้องเตะอยู่แต่ในบ้าน อย่าได้คิดทำอะไรที่เกินมาตรฐานของตัวเองเลย พูดแล้วอายแทนคนพวกนี้ "
หนุ่ม " ข่าวทีวีที่ผมไม่อยากดูเลย ก็คือเรื่อง คนไทยทำร้ายกัน ฆ่ากันเอง เช่น เด็กช่างกลอาชีวะยกพวกตีกันฆ่ากัน พวกเชียร์บอลยกพวกตีกัน และ เรื่องชุมนุมของพวกเสื้อแดง รู้สึกน่ากลัวยังไงบอกไม่ถูก ตำรวจไทยเราก็ใช้ไม่ได้ เป็นแตงโม มะเขือเทศไปหมด "
ติ๊ก " ฝั่งธนฯ นี่เป็นพื้นที่ของเขาเลยล่ะ แต่คนไม่เอาแดงนี่ก็เยอะนะครับ เพียงแต่เขาไม่อยากไปยุ่ง "
หนุ่ม " ที่บ้านพี่ พวกแดงมีอิทธิพลมากขนาดดิ้ดนิ้วสั่งได้ใหมครับ เห็นแกนนำเคยประกาศว่า ชุมนุมใหญ่คราวนั้นจะมีคนอีสานเข้ามาชุมนุมเป็นล้าน "
สัจธรรมของความดีงาม " ศิลปยืนยาว ชีวิตสั้น "
สัจธรรมบาปบุญ " มนุษย์เกิดมาเพื่อใช้กรรม ใครมีกรรมมาก มันก็ต้องอยู่นานมากๆ "
สัจกรรม " เดินทางมาตั้งไกล ทำไมมองไม่เห็นโลงศพ ( ว่ะ ) "
ช่างเขียน " ก็มีนะแต่ไม่ได้แรงอะไร เพราะตัวการเราก็รู้ประวัติหมด ใครขายอะไร ใครทำงานที่ไหน ใครผัวใครเมีย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นพี่ก็จะตะโกนว่า " ฝีมือไอ้อีคู่นี้แหละ " เอ้อ เรื่องที่เขาคุยว่าจะมีคนแห่มาเป็นล้านนั่น แสดงว่า เขาก็คงจะจ่ายเงินให้คนเป็นล้านไปจริงๆแล้วล่ะนะ เพราะน้ำเลี้ยงท่อมันใหญ่มาก จึงกล้าพูดยังงั้นได้ ที่นครพนมเขาก็จ่ายหัวละ 2,000 คนแห่มารับเงินเยอะมาก แต่เอาเข้าจริงขึ้นรถไปนิดเดียว โถ ก็รับเงินง่ายๆสบายๆไปแล้ว ก็ไม่รู้จะแส่ไปหาความลำบากไปกินไปนอนบนถนนยังไง น้อ ทุกครั้งที่พี่เห็นขบวนแห่ของพวกแดงบนถนนนี่ รู้สึกโกรธมาก เพราะความวุ่นวายในนครพนมบ้านพี่นี่ มันเกิดจากนักการเมืองอุบาทย์ที่เป็นคนต่างถิ่นที่เข้ามาอาศัยบ้านเมืองของเราทำมาหากิน "
ขจร " ดูเหมือนว่า พี่จะรังเกียจพวกเสื้อแดง นะครับ "
ช่างเขียน " พูดโดยสำนึกของคนไทยปรกติทั่วไปที่รักชาติบ้านเมือง ไม่ได้รังเกียจ ก็แค่เกลียด !!! "
ช่วงนั้นเอง ก็มีเด็กเสริฟผู้ชายคนนึงเดินมาที่โต๊ะของเรา แล้วเอียงหน้ามากระซิบ
เด็กเสริฟ " พี่ๆ เบาๆหน่อยครับ รู้สึกแขกโต๊ะถัดไป 3 โต๊ะเขาจะเหล่พี่แล้วนะครับ "
ขจร " ถึงไม่เห็นมีใครเสื้อสีแดง แต่หน้าตาๆแบบนี้รู้สึกผมจะคุ้นๆนะ อ้อ นึกออกแล้ว มันพวกทอมเสื้อแดงแว่นดำที่เห็นตามข่าวหน้าจอทีวีนี่ "
ช่างเขียน " แหม พูดยังไม่ขาดคำ ก็หมด " ชิลลิ่ง " เลย เฮ้ย พี่ว่า กาแฟหมดแล้ว พวกเรามูฟกันเหอะ ไปหาร้านใหม่แถวหลังสวนนั่งจิบเบียร์ดีกว่านะ พี่เป็นเจ้ามือเอง เอ้า น้อง เช็คบิลล์ "
สวัสดีครับ
อยากไปเร็ว ให้รีบไป อยากไปไกล รอไปด้วยกัน
จับตา สามยาม
27 ธค. 2553