ขอให้ชาวนครพนม คัดค้านการนำเอาพระธาตุพนม ไปประดับบนยอดหลังคาอาคารด่านศุลกากรนครพนม ที่สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 3 จังหวัดนครพนม

13 มิ.ย. 2553

คนเป็น ก็ใช้ได้ คนตาย ก็ใช้ดี

                 
        ในหัวค่ำของวันอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ช่างเขียนก็สาระวนกับการกดรีโมทติดตามข่าวนี้อยู่   หมาน้อย เพื่อนฝรั่งช่างพูดก็ได้โผล่หน้าเข้ามาแวะเยี่ยมพร้อมกับมีฝรั่งมาดเซอร์อีกคนมาด้วย  
หมาน้อย  - ไฮ  วันนี้ ยู สบายดีมั๊ย  ไอ เพิ่งจะกลับจากลาวเมื่อบ่ายนี้เอง  เออนี่ ของฝากจากลาวที่ยูชอบ  และไอ ขอแนะนำให้รู้จัก เจค เขาเป็นนักเขียนอิสระจากฮอลแลนด์  ไอไปเจอที่เวียงจันทน์เมื่อ 10 วันก่อนนี่เอง  และยังได้ขับรถไปเที่ยวต่ออีกหลายที่


ช่างเขียน  -  ไฮ  ยินดีที่ได้รู้จักครับ  เอ้า  เชิญนั่ง  หมาน้อยยูกินอะไรมาแล้วหรือยัง  ?
หมาน้อย  -  ไอ  เพิ่งพา เจค ไปลองก๋วยเตี๋ยวเนื้อเจ้าอร่อย เปรียบเทียบดูกับเฝอลาว มาเมื่อบ่ายนี้เอง  อาหารคงไม่ต้องแล้ว เอาไฮนิเก้นมาดับร้อนดีกว่า  ยิ่งคอแห้งอยู่  โอเค้






เจค  -   ผมเคยมาเมืองไทยหลายครั้งแล้วครับ  แต่คราวนี้อยากไปเห็นเวียตนามและลาวด้วย  พอมาถึงเมืองไทยได้ 5 วันก็ไปเที่ยวเวียตนาม โดยเริ่มที่ฮานอยก่อนแล้วก็วกกลับมาที่ลาว  มาถึงเวียงจันทน์ เอาก็เมื่อตอนบ่ายวันที่ 19  นี่เอง ไปถึงโรงแรมก็กะว่าเช็คอินเสร็จก็จะออกไปถ่ายรูป เผอิญไปเห็นคนในล็อบบี้โรงแรมกำลังมุงดูข่าวจราจลในกรุงเทพอยู่ ซึ่งตอนนั้นกำลังมีการจุดไฟเผาที่โน่นที่นี่  ผมก็เลยเปลี่ยนใจไปนั่งดูข่าวกับเขาด้วย  ตอนนั้นเองที่ผมได้เจอและรู้จักหมาน้อย  รู้สึกว่าวันนั้นเราจะนั่งคุยกันจนดึกเลย ใช่มั๊ย หมาน้อย

หมาน้อย  - ที่ลาวเขาก็ดูทีวีไทย เราก็ติดตามดูข่าวเมืองไทยตลอดเวลาที่อยู่ลาว และทีวีไทยเขาก็รายงานข่าวสดได้ดีมาก  เหมือนดูรายการเรียลลิตี้โชว์เลยนะ
ช่างเขียน  - วันนั้น ไอ ก็นั่งดูข่าวทีวีทั้งวันไม่ได้ไปไหนเหมือนกัน   แล้วพวกยูคิดยังไงบ้างกับสิ่งที่เห็นในจอทีวี
หมาน้อย  - ไอ ก็อยู่เมืองไทยเกือบ 20 ปีแล้ว  คิดว่าภาพของการประท้วงรัฐบาลในครั้งนี้มันเลวร้ายกว่าปี 1992  และเสียหายกว่าปี 2008 ตอนพวกเสื้อเหลืองไปยึดสนามบินเสียอีก  รึยูว่าไง

ช่างเขียน  - ไอ คิดว่า มันก็เป็นความเหมือนในความต่าง  อย่างในปี 1992  นั้น  มันเป็นเรื่องของการต่อสู้กับนายกรัฐมนตรี  ปี 2008 มันเป็นเรื่องของการต่อต้านรัฐบาล  แต่ปีนี้ 2010  มันเป็นเรื่องของการทำลายประเทศ
เจค  -  ความจริง ผมก็พอจะรู้จักเมืองไทยดีในหลายเรื่อง เว้นแต่การเมืองไทยที่ยังไม่ลึกพอ  คงไม่รังเกียจนะครับ  ถ้าผมจะขอซักถามในเรื่องนี้ซักหน่อย  เพราะการเมืองไทยมีอะไรที่น่าศึกษามาก 
ช่างเขียน  - ก็ยินดีนะครับ  เพราะความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจะทำให้เรามีปัญหา  ถ้าสงสัยอะไรก็ถามได้
เจค  - ผมก็อยากรู้เรื่องเก่าๆบางเรื่องที่ผมยังไม่เข้าใจ  แต่ถ้าคุณอยาก จะตอบให้พอเข้าใจ ก็โอเคครับ  เริ่มที่เรื่อง  ทำไมเมืองไทย ถึงต้องมีปฎิวัติหลายครั้งนัก




ช่างเขียน  - คนไทยเป็นคนที่รักอิสระเสรีภาพ  แต่มีหลายครั้งที่อาจจะมากเกินไป  จนการบังคับใช้กฎหมายตามลำดับขั้นตอนปกติ เป็นเรื่องยาก
เจค  -  การใช้สีและภาษา ในทางการเมือง  เป็นมาอย่างไร ครับ
ช่างเขียน  - อ๋อ  ถ้าเป็นสมัย 50 ปีก่อนโน้น  ก็มีสีแดงสีเดียว เมื่อครั้งที่ลัทธิคอมมูนิสต์จากประเทศจีนกำลังแผ่อิทธิพลลงมาที่อินโดจีนและประเทศไทย   ซึ่งแรกเริ่มก็เกิดที่เมืองนครพนมของผมนี่แหละ พื้นที่ใดมีคนฝักใฝ่ลัทธินี้ไปส้องสุมอยู่  ทางการจะเรียกว่า  พื้นที่สีแดงมั่ง  สีชมภูมั่ง  และเรียกพวกปฎิบัติการว่า ผกค. หรือ ผู้ก่อการร้ายคอมมูนิสต์  แต่พวกซีไอเอจะเรียกว่า " ผีกินควาย "  และในช่วงที่ในหลวงฉลอง 60 ปีการครองราชย์  ประชาชนทั้งประเทศพากันใส่เสื้อสีเหลือง  อันนี้ก็อาจเป็นเหตุให้กลุ่มพวกไม่ชอบทักษินที่เรียกว่า พันธมิตร  เอาสีเหลืองมาใช้  ส่วนฝ่ายนิยมทักษิน ที่เรียกว่า นปช  เขามีทีมงานหลายคนที่หัวเอียงซ้ายเคยอยู่ในป่ามาก่อน  ก็ถือโอกาสรื้อฟื้นเอาสีแดงมาใช้  ส่วนสีน้ำเงินนั้น  เขาว่าเป็นพวกอำนาจใหม่ที่กำลังรอจังหวะ   แต่คุณสังเกตใหมว่า สีทั้ง 3 สี นั้นล้วนแล้วแต่เป็น แม่สี  ซึ่งมันสดและแรง  สามารถผสมสีใหม่ได้อีกเป็นร้อยสี
เจค  -  เออ  คนใช้สี  เขาเข้าใจคิด นะครับ  แล้วเรื่องที่ ทักษินชอบคุยกับซีเอ็นเอ็น บีบีซี และอัลจาซีร่าว่า  พรรคของเขาชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทะลายถึง 2 สมัยนี่  เท็จจริงเป็นอย่างไรครับ
ช่างเขียน  - ทักษินพูดจริงนิดเดียวครับ   ก่อนอื่น คุณต้องเข้าใจว่า  การจะใช้คนหน้าใหม่ลงสมัครเลือกตั้งนั้น  เป็นเรื่องยากมากในเมืองไทย  ดังนั้นการตั้งพรรคใหม่ของทักษิน  จึงต้องพึ่งพวกสส.หน้าเก่าๆเก๋ากึ๊กซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีอิทธิพลบารมีสูงในพื้นที่เป็นตัวหลัก  ถึงกระนั้นผลออกมาในสมัยแรก  เขาก็ได้จำนวนสส.เพียง 248 คนไม่ถึงครึ่งในสภา ทำให้เขาต้องจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคร่วมหลายพรรค  และก็เป็นที่รู้กันต่อมาว่า  เขาได้ใช้สาระพัดวิธีในการดูดเอาทั้งสส.และพรรคการเมืองอื่นๆให้ยุบพรรคเข้ามาสังกัดในพรรคของเขาด้วย  จึงได้จำนวนสส.มากขึ้นกว่า 300 คน ซึ่งขณะนั้นเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันเป็นอย่างมากว่าไม่เหมาะสม  แต่ในสมัยที่ 2 เขาชนะจริงด้วยจำนวนสส.ถึง 376 คน  ได้ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวแต่ก็ทำงานได้ไม่ถึงปี   ก็เกิดเรื่องขายดาวเทียมและทุจริตอีกมากมายจนต้องยุบสภาแล้วให้มีเลือกตั้งใหม่  และการเลือกตั้งครั้งที่ 3 ที่มีพรรคเขาพรรคเดียวลงเลือกตั้งโดยไม่มีคู่แข่งนี้แหละ ที่นำไปสู่การยุบพรรคของเขาในเวลาต่อมา  พอจะเข้าใจรึยัง
เจค  - อ้อ เคลียร์  เข้าใจแล้วครับ  แล้วที่คุณพูดว่า  สส.หน้าเก่าที่มีอิทธิพลบารมีสูงนั้น  มันเป็นยังไงครับ
ช่างเขียน  - ก็อีกนั่นแหละ  ที่คุณจะต้องเข้าใจว่า  ทุกอาชีพทุกวงการในโลกจะมีทั้งคนดีและคนไม่ดีอยู่ปะปนกัน  แต่วงการสส.ในเมืองไทยนั้นคนดีก็มีบ้าง  แต่คนไม่ดีที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้องจะมีมากกว่า  โดยเฉพาะทางภาคอีสาน  ที่ประชาชนส่วนใหญ่มีความยากจน  มีการซื้อสิทธิขายเสียงอย่างเปิดเผย  จนมีคำพูดว่า  " เงินไม่มา  ก็กาไม่เป็น "  พูดง่ายๆว่า  ถึงคุณจะเป็นคนตั้งใจดีมีอุดมการณ์  แต่ถ้ามีเงินทุนน้อยก็ลืมอีสานไปได้เลย   ฉะนั้นคำว่า " อิทธิพลบารมี "  ก็จะมีคำว่า  อำนาจ บุญคุณ อุปถัมภ์  น้ำใจ การให้  ซองกฐินผ้าป่า และเงิน  เกี่ยวข้องด้วย  นี่คงเป็นเหตุให้สื่อต่างชาติเขาเรียกสส.พวกนี้ว่า ก็อดฟาเทอร์ แทนที่จะเป็น เอ็มพี  กระมัง
       เอ้อ ยังมีเรื่องนึงที่ผมขำไม่ออก ก็คือว่า  ในภาคอีสานนี้จะมีสส.เป็นคนต่างถิ่นในแทบจะทุกจังหวัด  อย่างที่นครพนมนี่  จะมีสส.ที่เรียกว่า  พวกข้าวนอกนา อยู่ตั้งหลายคน  และคนพวกนี้ผมก็ไม่เคยรู้จักหัวนอนปลายเท้าด้วย  เขาคงคิดว่า พวกเราหัวอ่อนและว่านอนสอนง่าย ล่ะมั๊ง
เจค  - แล้วพวกสส.ที่นี่เขามีผลงานอะไร  ที่ถูกใจ มัดใจประชาชน
ช่างเขียน  - จริงๆพวกนี้เขาเก่งในเรื่องหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองมากกว่าจะทำประโยชน์ให้ประชาชนนะ  และสส.พวกนี้เขาก็ไม่ชอบลงทุนกับคนที่เป็นสิ่งมีชีวิตเช่น การจัดหาโรงเรียนดีๆ สถาบันดีๆ ให้ชาวบ้านเขาเรียน  มีศูนย์เยาวชนให้พวกเด็กๆได้อยู่รวมกัน  มีความคิดจัดหาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร สร้างแหล่งงานในท้องถิ่นให้ชาวบ้านพึ่งพาอาศัยได้   แต่เขาชอบลงทุนกับสิ่งไม่มีชีวิต เช่น  ที่ดิน เหล็กหินปูนทราย ยางมะตอย และศพ มากกว่า
เจค  - อ้าว  แล้วศพมาเกี่ยวอะไรด้วย ครับ
ช่างเขียน  - คุณไม่รู้อะไร  ก็เรื่องงานศพนี่แหละ  ที่จะทำให้ชาวบ้านได้เห็นหน้าสส.อีกครั้งหลังการหาเสียง   เพราะสส.บ้านนอกพวกนี้ชอบไปงานศพมากกว่าไปงานอื่นใด  และไม่ว่าคนตายจะเป็นใคร จะอยู่บ้านไหนจะใกล้หรือไกล  พวกนี้จะต้องตะกายไปให้ญาติคนตายได้เห็นหน้าให้จนได้  จนชาวบ้านเขาพูดเสมอว่า  เห็นสส.ที่บ้านไหน  ก็มีคนตายที่บ้านนั่น  บางคนก็แอบตั้งสมยานามให้ว่า " พวกสส.งานศพ " บางคนที่ปากร้ายก็จะว่า " พวกมา(หา)กินงานศพ "
เจค  - แสดงว่า  งานศพ  เป็นงานที่สำคัญงานหนึ่งในสังคมไทย  ที่ผู้คนจะได้เห็นหน้าเห็นตากัน ใช่มั๊ยครับ
ช่างเขียน  -  ถูกต้อง
เจค  - คำถามสุดท้าย  อะไรทำให้การชุมนุมของคนเสื้อแดง  จึงไม่เกิด สันติ อสิงหา  ดันกลับกลายเป็นเหตุกลียุคจราจล  มีการเผาบ้านเผาเมือง มีการปล้นสะดม  จนภาพลักษณ์ความสวยงามสงบสุขของประเทศไทยต้องเสียหายเป็นอย่างมาก เช่นนี้

ช่างเขียน  -  อภิสิทธ์เขาเป็นเด็กดื้อในสายตาของทักษิน  แต่เผอิญเขาแกร่งกว่าทุกคนจะคิด  จึงไม่ยุบสภาลาออกง่ายๆ  ดังนั้นทักษินหรือพวกเสื้อแดงนี้ ก็เลยต้องเปลี่ยนแผนให้มันแรงขึ้น  โดยมีการยั่วยุท้าทายทุกรูปแบบให้เกิดการปะทะกัน  ยิ่งมีความเสียหายมาก มีคนล้มตายมากๆ  รัฐบาลอภิสิทธิ์ก็จะหมดความชอบธรรม  และจะทำให้เรื่องเดินหน้าไปสู่การเข้ามาเกี่ยวข้องของนานาชาติ  แล้วทักษินก็จะต่อสู้ด้วยตัวเองได้สะดวกขึ้น  แต่การเผาบ้านเผาเมืองครั้งนี้ สร้างความเดือดร้อนเสียหายไปทั่วกรุงเทพ  ก็เลยทำให้ขบวนการเสื้อแดงและทักษินเสียแนวร่วมเสียรังวัด ในสายตาชาวโลกไปอีกนาน
เจค  -  เฮ้อ  พวกนี้ ก็ยังอาศัยประโยชน์จากคนตาย  อยู่ดี
หมาน้อย  - เฮ้  พวกยู เลิกคุยเรื่องการเมือง เรื่องทักษินได้แล้ว  มาคุยกันเรื่องเมืองลาว กับสาวเวียตนามดีกว่า  ว่าเราได้ไปเห็นอะไรดีๆมา  จะดีกว่ามั๊ย
ช่างเขียน  - เออ ก็ดี เหมือนกัน  เพราะยิ่งคุย  ก็ยิ่งยาว
เจค  - โอ เค  เห็นด้วย  อ้าว  งั้นพักเรื่องการเมืองไทย  แล้วมาคุยเรื่องการมุ้งเวียตนาม ดีกว่า

ช่างเขียน  -  จบ จบ จบ

อยากไปเร็ว ก็ให้รีบไป   อยากไปไกล  ให้รอไปด้วยกัน
จับตา  สามยาม
13 มิถุนายน  2553

  

1 ความคิดเห็น:

ความเห็นกับบทความนี้