ขอให้ชาวนครพนม คัดค้านการนำเอาพระธาตุพนม ไปประดับบนยอดหลังคาอาคารด่านศุลกากรนครพนม ที่สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 3 จังหวัดนครพนม

7 ก.พ. 2552

บุญอีสานพานำ กรรมอีสานพาเป็น


        งานไหลเรือไฟนครพนม เป็นหนึ่งในสามของงานออกพรรษาระดับชาติในภาคอีสานอันมีงานแห่ปราสาทผึ้งสกลนครที่จัดก่อนหนึ่งวันและงานบั้งไฟพระยานาคหนองคายที่จัดในค่ำคืนเดียวกัน ปีนี้เรือไฟของเราก็ไหลไปอย่างเรื่อยๆมาเรียงๆ จะชมก็ไม่มีจะตีก็ไม่ได้เพราะเมื่อเทียบกับที่แล้วๆมาก็จัดได้ประมาณนี้ แต่หากผู้จัดงานเกิดความคิดว่า " อยากจัดงานปีหน้าให้ดีกว่าสนุกกว่าและมีผู้คนมาเที่ยวมากกว่านี่ " ก็ต้องชักชวนหลายฝ่ายมานั่งคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งณ ที่นี้ช่างเขียนก็อยากเสนอซักเรื่องให้ลองพิจารณาดูว่า จะเป็นเรื่องดีใหม ถ้าฝ่ายเราจะปรับเลื่อนวันไหลเรือไฟไม่ให้ชนกันกับงานบั้งไฟพระยานาคที่หนองคาย เพราะทำให้นักท่องเที่ยวที่มาไกลๆสามารถไปเที่ยวชมงานได้ครบทั้ง 3 งาน ถ้าทำได้นี่ก็จะเป็นสุดยอดของโปรแกรมการท่องเที่ยวอีสานรายการหนึ่งของปี

        ในปีนี้มีเวทีการแสดงเล็กๆแต่เปี่ยมคุณค่าเพราะหาชมยาก มีผู้ชมบางตาเหมือนแอบเขาจัด คือ การแสดงวัฒนธรรมของชนเผ่าทั้ง 7 ในท้องที่จังหวัดนครพนม บนเวทีลานตะวันเบิกฟ้า ซึ่งแต่ละคืนก็จัดให้มีการแสดงของแต่ละชนเผ่าเรียงกันไปตั้งแต่เผ่าไทข่า เผ่าไทโส้ เผ่าไทย้อ เผ่าไทแสก เผ่าไทกระเลิง เผ่าผู้ไทยไปจนถึงเผ่าไทยลาว รวมเวลาการแสดง 7 คืน ในแต่ละคืนก็พบว่านักแสดงแต่ละคณะถึงไม่ใช่มืออาชีพพวกเขาก็แสดงกันสุดฝีมืออย่างตั้งอกตั้งใจ โดยรวมแล้วก็ถือว่าทำได้น่าสนใจดีครับ ถึงแม้ระบบแสงสีเสียงบนเวทีจะไม่เป็นใจช่วยเพิ่มอรรถรสในการชมสักเท่าใด

        ก็เอาเถอะครับ เมื่อได้ชมการแสดงครบทุกชุดแล้วก็ถือเป็นบุญตา ต้องขอปรบมือแสดงความชื่นชมและให้กำลังใจกับคณะแสดงทุกชนเผ่า ที่ยังคงรักษามูลเชื้ออันเก่าแก่ของบรรพบุรุษได้เป็นอย่างดี รายการที่มีผู้ชมมากที่สุดก็คือ การแสดงของชาวผู้ไทย เรณูนคร ในชุด " ฟ้อนผู้ไทย" การฟ้อนคู่หญิงชายที่มีเอกลักษณ์ในท่วงท่าลีลาของฝ่ายชาย การร่ายรำของฝ่ายหญิงที่นิ่มเนิบแต่สง่างามมาก ตามด้วยเสียงดนตรีพิณแคนซอที่ขับคลอประสานอย่างลงตัว แน่นอนว่า ฟ้อนผู้ไทย นั้นงดงามประทับใจไร้กาลเวลา ช่างเขียนเต็มใจยกให้เป็น ศิลปะของแผ่นดินจังหวัดนครพนม
          ทั้งนี้ต้องไม่ลืมขอบคุณผู้อยู่เบื้องหลัง อาจารย์ชัยบดินทร์ สาลีพันธุ์ ผู้ดูแลคณะฟ้อนผู้ไทยเรณูนครชุดใหญ่ชุดแรกๆ ที่ได้เผยแพร่ฟ้อนผู้ไทยของเรณูนครและชื่อเสียงของจังหวัดนครพนมต่อสายตาสาธารณชนมาเกือบ 30 ปี ที่สำคัญคือการมีโอกาสได้รับใช้เบื้องพระยุคลบาทอยู่หลายครั้ง และก็ไม่ลืมที่จะให้กำลังใจแก่สภาวัฒนธรรมจังหวัดนครพนมผู้จัดด้วย หวังว่าจะมีการจัดเช่นนี้อีกเป็นประจำทุกปีต่อไป แต่เอ้อ ในปีหน้าถ้ามีแผ่นพับแจงรายละเอียดของการแสดงแจกผู้ชมด้วยก็จะดีไม่น้อย
        นานทีได้ฟังเสียงพิณ เสียงแคนก็แสนฉ่ำใจ ว่ากันว่า พิณ แคน ซอ เป็นเครื่องดนตรีอีสานดั้งเดิมทำง่ายราคาถูกถือสะดวก จะนั่งเล่น ยืนเล่นหรือเดินแห่แหนเล่นก็ได้    ปรกติจะมาคู่กับหมอลำอันเป็นความบันเทิงหนึ่งเดียวของชนบท   โดยทั่วไปก็ใช้ประกอบพิธีการต่างๆไม่ว่าจะงานบุญ งานบวชหรืองานเบียด หรือเล่นเป็นการส่วนตัวในยามเหงา ยามพักเหนื่อยของผู้ใช้แรงงาน มีผู้ใหญ่เล่าให้ฟังว่าเพลงหมอลำ ก็คือการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของคนอีสานที่สมถะเจียมตัว ถึงแม้ชีวิตจะทุกข์ยากลำบากอย่างไร เทียบได้กับแนวเพลงบลูส์ของคนผิวดำทางอเมริกาเขา
           แต่ออกพรรษาปีนี้มักได้ยินแต่ดนตรีโปงลางที่ออกจะหนุกหนานเพลิดเพลินเจริญใจเกินชีวิตจริงของคนอีสานไปหน่อย อันว่าดนตรีแนวลำซิ่งหรือแนววิทยาลัยนาฎศิลป  กับดนตรีพื้นถิ่นอีสานแท้ๆนั้นคนละอย่างคนละอารมณ์กัน และโปงลางก็คือดนตรีของทางกาฬสินธุ์เขาที่เพิ่งจะคิดได้ไม่นานซักเท่าไร เป็นไปได้มั๊ยว่าเรากำลังหลงลืมอะไรซักอย่างไปแล้ว
        ในเช้าตรู่วันที่ 7 ตุลา ขณะที่พี่น้องชาวนครพนมกำลังง่วนกับการเตรียมงานออกพรรษาวันแรกอยู่ ก็ต้องวางมือหันมาดูทีวีที่กำลังถ่ายทอดสด ตำรวจสาธิตการใช้อาวุธเคมีที่หมดอายุ เอ๊ย ตำรวจระดมยิงแก็สน้ำตาใส่ฝูงชนหน้ารัฐสภาฯอย่างมันมือ เพื่อเปิดทางให้สส.ฝ่ายรัฐบาลเข้าไปประชุมในสภาได้รอบเช้านี้มีคนเจ็บนับร้อย พอตกเย็นก็กระหน่ำยิงอีกรอบเพื่อเปิดทางให้พวกสส.ออกมา คราวนี้เจ็บกว่า 300 และมีคนตายหนึ่ง
สรุปว่าวันนี้มีเรื่องผิดปรกติที่ต้องบันทึกไว้คือ มีการแถลงนโยบายของรัฐบาลสมชาย 1 ตามลำพังโดยปราศจากฝ่ายค้านและประชุมกันในสภาระหว่างที่ข้างนอกมีคนเจ็บคนตาย
        ว่ากันว่า ประวัติศาสตร์มีให้ศึกษาเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุเกิดซ้ำอีก แต่นักการเมืองหรือตำรวจก็ดี ไม่เคยจดจำบทเรียนเลยว่า ทำแล้วได้ผลเป็นอย่างไร ขอทวนอดีตให้ฟังสัก 2 เรื่อง จำเหตุการณ์ยุบสภาของรัฐบาลไทยรักไทยแล้วเลือกตั้งใหม่แบบรวบรัดที่มีแต่พรรครัฐบาลโดยไม่มีฝ่ายค้านได้มั๊ย แล้วเป็นไงผลก็คือ พรรคไทยรักไทยก็ถูกยุบไงหละ จำเหตุการณ์วันที่ 14 ตุลา 2516 ได้มั๊ย เหตุที่ตำรวจใช้กระบองตีนักศึกษาจนตกคลองน้ำรอบวังสวนจิตรฯจนเหตุบานปลายกลายเป็น วันมหาวิปโยค ผลก็คือ หลังจากวันนั้นตำรวจในเขตกรุงเทพฯไม่กล้าแต่งเครื่องแบบไปนานหลายเดือน
        ถ้าการเป็นรัฐบาลสมชายมาจากการเลือกตั้ง แน่นอนว่าบุญของคนอีสานมีส่วนสำคัญ และถ้ารัฐบาลสมชาย 1 จะต้องมีอันเป็นไป ก็น่าจะเป็นด้วยกรรมของคนอีสานอีกนั่นแหละ จริงมั๊ยท่านผู้อ่าน

    " ถ่ามึงอยากไปไวๆ กะให่มึงหิบฟ่าวไป ถ่ามึงอยากไปไกลๆ กะให่มึงถ่าไปนำกู " เด้อ พี่น้อง เด้อ

จับตา สามยาม

21 ต.ค 2551
คือสิ ซำบาย อีหลี ตั๊ว ศรีโคตรบูรณ์

        ว่าต่อจากตอนที่แล้ว ช่างเขียนก็ยังนำทางพาคณะเอ็นจีโอไปทัวร์บ้านแพง ศรีสงครามก่อนที่จะวกกลับมาประชุมเพลิง เอ๊ย วางแผนเผานักการเมืองกันที่ริมหนองญาติ

ป๊อก – ถนนเรียบโขงเส้นนี้ร่มรื่นดีจัง แหม จังหวัดพี่สวยน่าอยู่มากๆ ไม่น่าจะติดโผความยากจนตามที่มหาดไทยเขาว่าเลย ดูๆไปก็อุดมสมบูรณ์ดี บรรยากาศแบบนี้มันน่าจะคึกคักขึ้นชื่อในเรื่องอาหารการกินจำพวกปลานะครับ ผมว่าพวกฝรั่งแบกเป้ก็น่าจะชอบแบบนี้ เออ ผมอยากเสนอความเห็นเรื่องนึงว่า ชาวบ้านแถวนี้น่าจะมีเพิงยาวๆไว้ขายของกินของฝากแบบที่กลางดง ปากช่อง รึ พี่ว่าไง
ช่างเขียน – ความยากจนที่เรามีก็คือความอุดมสมบูรณ์ 10 – 20 เปอร์เซ็นต์ที่หายไปอยู่ในกระเป๋าผู้ว่าฯคนแล้วคนเล่าไง บางคนก็เอาไปต่อทุนจนได้เป็นรัฐมนตรีก็มี พี่ว่าการส่งเสริมปากท้องของชาวบ้านนี่เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าผู้นำท้องถิ่นไม่ว่าจะสส.หรืออบต.จริงใจกับประชาชนบ้าง ก็น่าจะเจียดเงินซักส่วนจากงบการไปเที่ยวต่างประเทศ มาจัดทำตลาดริมทางให้ชาวบ้านเอาสินค้าผลผลิตที่เขามีมาขายก็น่าจะดี แต่คนที่คิดได้น่าจะตายไปตั้งนานแล้วมั้ง
ที่จริงชาวบ้านมีสินค้าท้องถิ่นที่จะขายเยอะมากเช่น ผลผลิตจากผลหมากรากไม้ ผลิตภัณฑ์อาหารจากปลา หินแม่น้ำโขง เครื่องปั้นดินเผา จักสานต่างๆ ขาดแต่การสนับสนุน

อ้วน – นักการเมืองที่นี่เขามีอิทธิพลกับประชาชนมั๊ยครับ ผมได้ยินเขาว่าบางคนก็เป็นแบบ " ลาวเลือก เขมรใช้ " แล้วชาวบ้านเขาเสียความรู้สึกมั๊ย อ้อ แล้วลุงจิ๋วแกมาลงที่นี่ได้ยังไง

ช่างเขียน – คนแถวนี้เป็นคนซื่อรักใครรักจริงถึงบางคนจะโหดเลวดียังไง ชาวบ้านเขาคงจะรักจะเลือกจนกว่าพวกสส.จะตายไปข้างนั่นหละ
เรื่องตาลุงจิ๋วนั่น เขาว่ามีสส.กระบาลใสคนนึง คิดชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน ไปชวนแกให้ย้ายมาอยู่นี่ เพราะลงทุนน้อยกว่ามั่กๆ แถมรับประกันไม่สอบตกเหมือนเมืองนน แกก็ว่าง่ายแต่บุญน้อยไปหน่อย เพราะพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง ขึ้นก็แป็บเดียวพอลงก็กระเป๋าเหี่ยวพอดีต้องเซ้งพรรค แกเลี้ยงเด็กเยอะ ที่ดีก็พอจะมี ที่เกเรเกตุงก็มาก ข่าวล่าเขาว่าตอนนี้เด็กแกแตกคอกันแล้วหละ
อุตตมญาโน - ผู้มีความรู้สูงส่ง หรือ ผู้มีญานแห่งการปฎิบัติธรรมสูงสุด
บวชถวายเป็นพระราชกุศลและอุทิศให้คนตายจากการปราบม็อบ วันที่ 7 ตค. 2551


เป็นผู้มีญานแห่งการเมืองสูง

แมน – ตามข่าวว่า เลือกตั้งที่อีสานนี่ ถ้าทุนน้อยไม่ต้องมาเลย จริงมั๊ยครับ
ช่างเขียน – อีสาน นี่แหละต้นฉบับการซื้อสิทธิขายเสียง แบบเงินไม่มากาไม่เป็น เขาว่าใครได้ภาคนี้ไปก็ได้เป็นรัฐบาล จำคดียี้ห้อยร้อยยี่สิบได้มั๊ยนั่นหละของจริง หลังยุคป๋าเปรมวางมือและพวกทหารเขาเปิดทางให้พลเรือนจัดตั้งรัฐบาลเองได้แล้ว ก็ยุคน้าชาตินี่ละมั๊งที่เริ่มจ่ายหัวละร้อยๆ คิดดูว่าสส.มีเงินเดือนแสนกว่าสี่ปีก็ประมาณห้าล้าน แต่เขาลงทุนคนๆนึงมากกว่าสิบล้านก็แปลว่า ลงทุนไปก่อน แล้วคอยถอนทุนทีหลัง ฝรั่งเขาเคยเขียนประจานเราไว้เมื่อ 3 - 4 ปีก่อนว่าไทยติดอันดับโลก ที่เรื่องนักการเมืองต้องลงทุนซื้อเสียงจากประชาชน และปีนี้ฝรั่งก็จัดให้เราเป็น 1 ใน 5 ประเทศที่โกงมากสุดในอาเซียน ในเรื่องความโปร่งใสก็ตกจากอันดับที่ 69 มาอยู่ที่ 84 ในปีนี้  เป็นไงประชาธิปไตย แบบเงิน
เงิน เงิน แจ่มมั๊ย
แมน – อ๋อ ที่พวกนายทุนนักเลือกตั้ง เอ๊ย นักการเมืองชอบพูดเสมอๆว่า เรามาจากการเลือกตั้ง ก็ด้วยเหตุที่ลงทุนไปมากก็ต้องเน้นคำนี้อยู่บ่อยๆให้คุ้มกับเงินนับสิบล้านที่ลงทุนไปนี้เอง ใช่มั๊ยพี่
ช่างเขียน – ก็ไม่เชิงนะ บางคนเชื่อว่าคำนี้เป็นคาถาที่มาคู่กับคำว่าประชาธิปไตยต้องหมั่นพูดบ่อยๆ โดยเฉพาะคนหน้าโจรๆจะได้ดูดีขึ้นบ้าง ไงหละ อ้อ โชเฟ้อร์ เดี๋ยวเลี้ยวซ้ายตรงไฟแดงที่จะถึงนี่นะ เอ้าถึงอ่างเก็บน้ำหนองญาติแล้ว ลงไปชมผลงานเด็กๆของลุงจิ๋วแกหน่อยซิ






















อ้วน – โอ้โห นี่มันหนองน้ำจริงๆนี่ แบบหนองหาร บึงบอระเพ็ดเลย ไม่ใช่อ่างเก็บน้ำ แล้วมันจะเป็นที่ราชพัสดุได้ยังไงละนี่ ยิ่งเป็นอ่างชลประทานแล้วมาซี้ซั้วสร้างแบบนี้ได้ยังไงสงสัยจริงๆ คงจะหลายตังค์สิท่า
ช่างเขียน – แค่นี้ก็ปาไปพันกว่าล้านแล้ว ถ้าไม่มีคนค้านป่านนี้รับรองไม่มีใครจะได้เห็นหนองน้ำ เพราะเขากะจะสร้างให้รอบหนองไปเลย คนจะทำอย่างนี้ได้มันต้องระดับ " นายข้าใหญ่ ใครอย่าแตะ " กดหมงกฎหมายอะไรไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้เอาแค่ถ่ายรูปก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวพี่มีสมุดปกขาวแจกให้ไปอ่านต่อที่กรุงเทพฯ นี่ก็เย็นมากแล้วเดี๋ยวเราไปหาร้านนั่งดื่มอะไรเย็นๆก่อนดีกว่ามั๊ย ลองดูซิมีร้านไหนพอจะนั่งได้บ้าง
ป๊อก – พี่ๆ ลองเสี่ยงร้านนี้ดูมั๊ย รู้สึกว่าหน้าร้านเขามีป้ายเขียนอะไรแปลกๆ เหมือนไม่อยากต้อนรับคนกินเหล้าอย่างพวกเราเท่าไร ผมจะอ่านให้ฟังนะ
    " อันว่าเหล้าคือสุรา หมาไม่แดก
     คนก็แปลกแดกได้ ไม่อายหมา

     เราก็แปลกแดกได้ ซวยละวา
     ไม่อายหมาไม่กลัวแปลก แดกเข้าไป "

ช่างเขียน – อู่ย เอาเลยน้อง สงสัยร้านนี้จะเจ๋ง โอเค มั๊ยทุกคน
จบก่อนดีกว่า อิ อิ


อยากไปเร็ว ก็ให้รีบไป    อยากไปไกล ให้รอไปด้วยกัน


จับตา สามยาม

23 ก.ย 2551
ช่วยคนดี ได้ปกครองบ้านเมือง
    ข่าวล่ามาแรง แจ้งว่า แก๊งค้าสะเตียร่อย ยาเสพติดชนิดหนึ่งที่กำลังติดงอมแงมอยู่ทางเหนืออีสานเพราะฉีดปุ๊บหญ้าเขียวปั๊บ ได้ออกไล่ล่าสมุนค้ายาที่คิดตีจาก อ้าว หยิบผิด ไม่ใช่ข่าวนี้นะครับ ต้องขออภัย 
    เอาใหม่ ข่าวโล่งใจ ในวันก่อน แจ้งว่าพวกม๊อบเสื้อเหลือง ที่ถือคติถูกต้อง ไม่ถูกใจ ไม่ชอบดูเขารวย แต่มาช่วยเขาไล่ ได้ถอนตัวออกจากหนามบินแผ่นดินทองไปแล้ว เหลือแต่สะเก็ดระเบิดและปลอกกระสุนจรวดจำนวนหนึ่งทิ้งไว้ให้ตำรวจดูต่างหน้า
ว่าแต่ว่าค่าเสียหายบานเบอะนี่จะคิดกะใคร หละเนี่ย ฮึ
    ส่วนข่าวดีใจ ในวันนี้นั้น ก็ด้วยเหตุถ้าไม่มีมัน ก็ไม่มีวันนี้ จึงแจ้งให้ทราบว่าประเทศของเราได้นายกฯคนใหม่แล้ว เป็นผู้นำรัฐบาลชุดน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า(เซกา) หรือตามที่สื่อฝรั่งเม๊าท์ ดีล วิท ดิ อีวิล ที่อายุน้อย(ที่สุด) หน้าก็หล่อ ภาษาก็ดี ความรู้ก็เยี่ยม มือไม้ก็สะอาด และท่าทางก็เป็นมิตรกะคนไทยทุกคน ยกเว้นคนใจร้ายที่เอาภาษีที่เป็นเงินของชาวบ้านมาแบ่งให้ชาวบ้านกู้
แต่เอากำไรน้ำมันของชาวบ้านมาแบ่งให้พรรคพวกใช้ เวลานี้นายกฯคนใหม่นี้กำลังเดินหน้าฟื้นฟูบ้านเมืองไปพร้อมกับการทำฝันที่ยากให้เป็นจริง ความสมานฉันท์ปองดองของคนในชาติ
     แต่ข่าวหนักใจ ในวันหน้า แจ้งมาว่า ม๊อบเสื้อแดงที่มาแรงกว่าสี ผู้มีคติ ถูกใจ ไม่ถูกต้อง(ก็ได้) กำลังปลุกระดมรากหญ้าให้ออกมาดูเขารวย ช่วยเขาวิ่ง โดยการถือตีนตะขาบ เอ๊ย ตีนตบต่อต้านรัฐบาลใหม่ให้เขาทำงานไม่ได้ แหม้ ข่าวนี้ฟังแล้วน่ากลัวจริงๆ เพราะภาพการกลุ้มรุมขว้างตัวหนอนใส่รถที่หน้ารัฐสภาฯเหมือนบ้านป่าเมืองเถื่อนก็ดี ภาพรุมตีฆ่ากันที่อุดรเชียงใหม่ก็ดี มันช่างติดหูติดตาเหลือเกิน ทำให้คนไทยผู้สวมเสื้อแดง-ขาว-น้ำเงิน ต้องกรุ่นในหัวใจเป็นอย่างยิ่ง เอ ตำรวจหายไปไหน ?
    แต่ก็เอาเถอะ ในเมื่อเราเป็นประเทศประชาธิปไตยแล้ว ใครจะทำอะไรก็มีสิทธิทั้งนั้นถ้าตั้งอยู่ในความสงบตามกรอบของกฎหมาย และที่สำคัญอย่าเสี้ยมกันจนเลยเถิด ก็พอทน
    แต่ที่คนสวมเสื้อสีแดง ขาว น้ำเงิน ไม่ทนรอ กลับเป็นเรื่องการแก้ปัญหาช่วยคนไทยหลายหมื่นที่กำลังจะไม่มีงานทำรออยู่ข้างหน้า เมื่อเศรษฐกิจของไทยเราเริ่มมีปัญหาไปกับพวกฝรั่งญี่ปุ่นเขาด้วยนะสิ
และผลกระทบในขณะนี้ก็ได้ลามมาถึงธุรกิจการค้าการขาย การท่องเที่ยว อุตสาหกรรมและงานอาชีพทุกหย่อมหญ้าแล้ว
    เพราะปีหนึ่งๆเรามีรายได้หลายแสนล้านบาทจากการที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวกว่าสิบล้านคนและเราก็ส่งสินค้าออกไปขายทั่วโลกปีๆก็หลายแสนล้านบาท ถ้าจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงหรือต่างประเทศลดคำสั่งซื้อสินค้าลง ก็อาจจะทำให้โรงแรมหลายที่ โรงงานนับพันๆโรงต้องปิดตัวลงและอาจจะมีคนงานตกงานเป็นล้านที่กว่าครึ่งก็มาจากอีสานบ้านเฮานี่แหละ
ไม่นับรวมพวกวินมอเตอร์ไซท์แท็กซี่อีสานหาญกล้าที่ต้องหากินฝืดขึ้นอีกหลายเท่า ถ้าคนอีสานหากินในเมืองหลวงไม่ได้แล้วต้องกลับมาอยู่บ้านนอกบ้านละสิบละร้อยคนแล้ว อะไรมันจะเกิดขึ้น พี่น้องเอ้ย
    ถามว่า ถ้าเมืองไทยเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอีกครั้งนี่ ใครจะเดือดร้อนบ้าง ถ้าจำบทเรียนเมื่อสิบปีก่อนได้ คำตอบก็คือ ประชาชนคนทำงานไง โดยเฉพาะพวก" เฮือด" ที่หาเช้ากินค่ำ หาค่ำกินเช้าอย่างเราๆท่านๆนี่แหละ ส่วนพวกข้าราชการและนักการเมืองนั้นอย่าไปห่วงเขา ต่อให้ฟ้าถล่มดินทะลาย พวกนี้เขาก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะเงินเดือนเป็นหมื่นเป็นแสนก็ยังรับอยู่เท่าเดิม  สบาย สบาย  พูดถึงนักเลือกตั้งอาชีพผู้ขออาสามารับใช้ประชาชนแล้วมันน่าเจ็บใจ
เมื่อถึงเวลาเลือกเราก็ไปเลือกให้ ครั้นได้เป็นสมใจแล้ววันๆก็ไม่เห็นจะทำอะไรให้ วุ่นแต่งานของพรรคพวกตัวเองไม่พอ ยังมาแอบดึงพวกเราไปถือธง ถือป้ายผสมโรงกับเรื่องของมันอีก ให้ชาวบ้านเป็นตัวประกันสมกับคำว่า เรามาจากการเลือกตั้งนะสิท่า
ไม่คิดจะทำมาหากินกัน หละนะ งานนี้
    เมืองเล็กๆริมน้ำโขงแห่งนี้ ชาวนครพนมทุกคนจะรู้จักบ้านเมืองของเราดีแทบจะทุกตารางนิ้วว่า เป็นเมืองที่สงบสุขน่าอยู่ทำมาหากิน รู้จักใครเป็นใคร ถ้าไม่นับเรื่องร้ายๆในอดีตครั้งที่ผู้ก่อการร้ายคอมมูนิสต์ไปปักธงแดงที่เทือกเขาภูพานแล้ว ที่ผ่านมาเราก็อยู่ของเราดีๆไม่เคยมีผู้มีอิทธิพล อันธพาล มาเฟีย นักเลงหัวไม้กินหัวคิวคุมเมืองเหมือนที่อื่นๆ ซึ่งเราก็เชื่อของเราอย่างนั้น เอ้อ รึว่ามี แล้วมันสีอะราย ?
    แต่หากเมื่อไหร่ มีคนเกรียนแสดงตัวเป็นเจ้าพ่อ เจ้าแม่ มาเจ้ากี้เจ้าการชี้นิ้วสั่งให้ใครต่อใครต้องใส่เสื้อสีนั้นสีนี้แล้วละก็ ช่างเขียนก็อยากให้ชาวนครฯผู้สวมเสื้อแดง ขาว น้ำเงินอยู่ในหัวใจ อย่าได้นิ่งดูดายปล่อยให้ ( ขออนุญาตหยาบสาธารณะซักครั้ง ) ไอ้สติเสีย รึ อีสติแตก คนหนึ่งคนใดออกมาปลุกระดมให้พี่น้องหมู่เราเกิดความแตกแยกในบ้านเมืองได้ ถ้าสะกิดแล้วไม่ฟังก็ช่วยกันป๊าบๆๆ ซักทีสองที ก็น่าจะดี แม่น ควม เบาะคับ  พีน่อง สวัสดี

" กูปลูก มึงขาย นายเก็บ ก็พวกมันนั่นแหละ กิน"

จับตา สามยาม 
19 / ธค / 2551
ชีวิตที่อยู่ได้

สำคัญกว่า ชีวิตที่ดี    
    ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่อันแสนเหน็บหนาวนี้
ช่างเขียน ขอถือโอกาสอวยพรให้ทุกท่านจงมีแต่ความอบอุ่นและมีชีวิตที่ดีกันทุกคน
ในฐานะที่เป็นคนท้องถิ่น ก็จะตั้งใจทำงานให้พี่น้องชาวนครฯได้รับประโยชน์สูงสุดเป็นสำคัญ ครับ
    จำคำพระท่านสอนได้ว่า ชีวิตที่เป็นสุขมันสั้น ชีวิตที่เป็นทุกข์มันยาว สำหรับคนแก่แล้วการฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มันก็มีทั้งปลื้มทั้งแป้วเมื่อรู้ว่าเวลาใกล้เข้ามา ทุกปีๆ แหะ ๆ
    ด้วยความเป็นชาวพุทธเราก็คงไม่พะวงอะไรนัก เพราะรู้แล้วว่าชีวิตนั้นสั้นและสักวันก็ต้องเดินทางไปตามวงโคจรที่มีการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย
    คล้ายๆกับทางฝรั่งเขาที่คิดว่า ชีวิตก็เหมือนกับการเดินทาง
แต่เป็นการเดินทางที่ราบรื่นมั่นคงที่สุด เขาจึงเริ่มต้นชีวิตเอาเมื่ออายุ 40 โดยตอนอายุยังน้อยก็จะเรียนรู้ทำงานหาประสพการณ์ไปก่อน ส่วนไทยเราชอบมาตั้งตัวเอาเมื่อ 60 บางคนเดินมาไกลกว่า 13 หมื่นลี้กับอีก 14 วันแร้ว ก็ยังไปไม่ถึงดวงดาวดวงไหนซะกะที  ซ้ำยังไม่แก่ ไม่เจ็บ และไม่ตาย(ในวันนี้) เฮ้อ กลับบ้านเหอะ ลุง
    แต่หากใครยังมีภาระไม่ถึงเวลากลับก็ต้อง   เดินหน้าต่อไป ตามที่ว่า ชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป หรืออย่างที่ฝรั่งเขาว่า ถ้าฉันมีลมหายใจ ฉันก็ยังมีความหวัง
    คนเราถ้ามีความหวังถึงจะน้อยนิดก็ยังมีโอกาส คล้ายกับแสงริบหรี่ที่ปลายอุโมงค์ซึ่งสว่างพอที่เราจะมองเห็นทางออกครับ
          หลายวันก่อนช่างเขียนได้ไปงานบุญของคนรู้จักที่หมู่บ้านรอบนอกแห่งหนึ่งที่ว่ากันว่าแดงเถือกกันทั้งเทือกเขาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
    เมื่อหลังพิธีพระจบ ช่างเขียนก็ย้ายไปนั่งที่โต๊ะจัดเลี้ยงจึงมีโอกาสได้ฟังแขกร่วมโต๊ะ 2 – 3 คนที่เป็นชาวบ้านอยู่ในละแวกนั้นแหละกำลังคุยกันตามประสาคนคุ้นเคย แรกเริ่มก็คุยกันสัพเพเหระ ตั้งแต่เรื่องแซวเจ้าภาพไปไกลถึงเรื่องคนตกงานจากกรุงเทพ พอเหล้าที่กรึ่มสำแดงฤทธิ์ เสียงก็ค่อยๆดังสาระก็เข้มข้นขึ้น ช่างเขียนนั่งฟังเขาคุยกันด้วยความทึ่งในภูมิการเมืองที่ออกจะล้ำลึก ซะมิมี
ลุงคำ - เฮ่ย หนอม สอ สอ เฮา ผู่ ใหม่ นิ มัน เป็น  ไผ นอ  คือ บ่ เคย เห็น หน่า จั่ก เถื่อ
อ้ายหนอม - จั่ก แล่ว ข่อย กะ สะ หา กะ เห็น นิ
ลูก หลาน ไผ กะ บ่ หู่ ข่อย เห็น ป้าย หา เสียง มัน แล่ว กะ หว่า มัน ต้อง บ่ ทำ มะ ดา เด้อ บัก อัน นี่ ฮั่น คึด คือ กัน เบาะ ลุงคำ
ลุงคำ - เฒ่า สะ เหลิม เพิ่น กะ ส่า มา ดน แล่ว หว่า ถ่า พรรค เสื่อ แดง อัน นี่ มัน ส่ง เสา ไฟ ฟ่า มา คน บ้าน เฮา กะ ต่อง เลือก  มัน เว่า ปาน หว่า พวก เฮา ปึ๊ก หนา บ่ มี ปัน ยา จั่ก น่อย
อ้ายหนอม - มัน สิ เป็น ไผ กะ ส่าง มัน เถาะ เว้ยลุง ได่ คน ทำ มะ ดา ๆ กะ ใค กั่ว ได่ เสา ปูน ละ ว้า แม่น เบาะ หละ
ลุงคำ - เว่า พื่น รัด ทะ บาน ใหม่ นิ เขา หว่า เฒ่า อภิสิทธิ์ เพิ่น เป็นนายก บ่ สง่างามเลย
อ้ายหนอม - คือ ว่า จั่ง ซั้น ลุง ลอง ไป เทียบ กับ สมัย เฒ่า ตัก สิน เบิ่ง แหน่ เพิ่น มี เงิน หลาย กะ ไป ซื่อ ไป จ่าง พรรค เล็ก พรรค น่อย มา โฮม กับ เพิ่น ฮั่น มัน บ่ ขี่ ฮ่าย กั่ว บ๊อ
ลุงคำ - กะ แม่น อยู่ บัด นี่ เฒ่า ตู่ จะ ตุ พอน เพิ่น ผัด หว่า เฮ็ด แนว นี่ มัน บ่ เป็น ปะ ซา ทิ ปะ ไต โต สิ หว่า แนว ใด เฮ่ย
อ้ายหนอม - บัก ห่า ตู่ มัน เป็น นักการเมือง ภาษา หยัง ว่ะ มัน บ่ ฮู่ เบาะ หว่า อยู่ เมืองไทย ปะ ซา ทิ ปะ ไต มัน ต้อง เป็น แบบ ไทยๆ บ่ ต้อง มี มา ระ ยาด แบบ ฝรั่ง เขา ดอก การเมืองไทย เป็นแบบ หว่า บ่ มี สัด จะ ใน หมู่ โจร รึ หว่า บ่ มี มิด แท่ สัด ตู ถาวร ดอก เข่า ใจ เบาะ ลุง
ลุงคำ - แม่น ควม โต เว่ย เว่า พื่น นักการเมืองไทย เฮา นิ มัน เป็น ตา ซัง หลาย อี หยังๆ เฮ็ด แล่ว ได่ ปะ โหยด มัน เฮ็ด ได่ เมิด พวก ผี ห่า นิ  บ่ หว่า ผู่ ใด กะ แนว เดียว กัน
อ้ายหนอม - เขา จั่ง หว่า ไผ สิ เล่น การเมือง ได่ มัน ต่อง หน่า ด้าน หน่า มึน จัก น่อย จั่ง สิ เล่น ได่
ลุงคำ - โต หว่า  เฒ่า อภิสิทธิ์ เพิ่น กะ ซิ อยู่ ดน เบาะ หละ
อ้ายหนอม - กะ สิ ดน อยู่ หละ ตี๊ ถ่า บ่ ฟ่าว ผิด ใจ กัน กับ เฒ่า เนวิน  ซะ ก่อน
บักจ่อย - พวก เฮา ลุก เถาะ เว๊ย ข่อย เห็น พวก บัก เหลือ เสื่อ แดง มัน ตา เหลื่อม มาบๆ มา แต่ ฟาก พู้น แล่ว ไป๊ เมือๆ  ก่อน สิ มี เลื่อง
ช่างเขียน - เดี๋ยว ๆ ขอ ตำจอก นำ แหน่ ฟัง พวก อ่ายๆ คุย กัน แล่ว ม่วน หลาย เด้อ ( จบ )
    ฟังแล้วน่าขนลุกนะ ที่อิสระทางความคิดยังมีหลงเหลือในอาณาจักรแห่งการครอบงำเช่นนี้  
    การมาวันนั้น ช่างเขียนก็ไม่ได้อิ่มปากอิ่มท้องอย่างเดียว ยังได้รู้ความลับของชาวบ้านในแถบนั้นด้วยว่า แทบทุกบ้านมีหนี้สินกันยุบยับบ้างมากบ้างน้อย โดยเฉพาะพวกที่ซื้อรถกระบะแต่สมัยกองทุนหมู่บ้านเปิดใหม่ๆ ตอนนี้ยังค้างจ่ายค่างวดเป็นปีๆหมู่บ้านละ 4 – 5 คัน ไม่นับรวมรถมอร์เตอร์ไซต์ที่มีมากกว่านี่
    ความเชื่อว่า ชีวิตที่ดี ต้องสมบูรณ์แบบ ต้องมีบ้าน มีรถ มีอุปกรณ์เครื่องใช้ครบครันให้ทัดหน้าเทียมตาคนอื่นเขาโดยไม่ได้คำนึงถึงกำลังเรี่ยวแรงของตนเอง ทำให้เกิดปัญหาหนี้เสียของข้าราชการไทยที่กู้แล้วไม่ผ่อน ทำให้เกิดชนวนวิกฤติเศรษฐกิจของโลกจากหนี้สินของคนอเมริกันที่รูดปื้ดๆเอาอนาคตมาใช้จนหมดเกลี้ยงแล้วไม่มีปัญญาใช้คืน ที่กำลังส่งผลร้ายให้มีคนตกงานนับล้านๆไปทั่วโลกในครั้งนี้แล้วหละ ครับ
    ลองคิดดูว่า ความต้องการ ที่พอเพียงให้ชีวิตอยู่ได้ โดยยึดหลักหาได้แค่ไหนก็ใช้แค่นั้น ก็น่าจะทำให้ชีวิตมีความสุขได้ สวัสดี ครับ


อยากกินแซบ ให่หมั่นซีม

อยากกินอิ่ม ให้สะแตกไปโลด 
จับตา สามยาม
16 ม.ค 2552