ขอให้ชาวนครพนม คัดค้านการนำเอาพระธาตุพนม ไปประดับบนยอดหลังคาอาคารด่านศุลกากรนครพนม ที่สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 3 จังหวัดนครพนม

7 ก.พ. 2552

ชีวิตที่อยู่ได้

สำคัญกว่า ชีวิตที่ดี    
    ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่อันแสนเหน็บหนาวนี้
ช่างเขียน ขอถือโอกาสอวยพรให้ทุกท่านจงมีแต่ความอบอุ่นและมีชีวิตที่ดีกันทุกคน
ในฐานะที่เป็นคนท้องถิ่น ก็จะตั้งใจทำงานให้พี่น้องชาวนครฯได้รับประโยชน์สูงสุดเป็นสำคัญ ครับ
    จำคำพระท่านสอนได้ว่า ชีวิตที่เป็นสุขมันสั้น ชีวิตที่เป็นทุกข์มันยาว สำหรับคนแก่แล้วการฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มันก็มีทั้งปลื้มทั้งแป้วเมื่อรู้ว่าเวลาใกล้เข้ามา ทุกปีๆ แหะ ๆ
    ด้วยความเป็นชาวพุทธเราก็คงไม่พะวงอะไรนัก เพราะรู้แล้วว่าชีวิตนั้นสั้นและสักวันก็ต้องเดินทางไปตามวงโคจรที่มีการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย
    คล้ายๆกับทางฝรั่งเขาที่คิดว่า ชีวิตก็เหมือนกับการเดินทาง
แต่เป็นการเดินทางที่ราบรื่นมั่นคงที่สุด เขาจึงเริ่มต้นชีวิตเอาเมื่ออายุ 40 โดยตอนอายุยังน้อยก็จะเรียนรู้ทำงานหาประสพการณ์ไปก่อน ส่วนไทยเราชอบมาตั้งตัวเอาเมื่อ 60 บางคนเดินมาไกลกว่า 13 หมื่นลี้กับอีก 14 วันแร้ว ก็ยังไปไม่ถึงดวงดาวดวงไหนซะกะที  ซ้ำยังไม่แก่ ไม่เจ็บ และไม่ตาย(ในวันนี้) เฮ้อ กลับบ้านเหอะ ลุง
    แต่หากใครยังมีภาระไม่ถึงเวลากลับก็ต้อง   เดินหน้าต่อไป ตามที่ว่า ชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป หรืออย่างที่ฝรั่งเขาว่า ถ้าฉันมีลมหายใจ ฉันก็ยังมีความหวัง
    คนเราถ้ามีความหวังถึงจะน้อยนิดก็ยังมีโอกาส คล้ายกับแสงริบหรี่ที่ปลายอุโมงค์ซึ่งสว่างพอที่เราจะมองเห็นทางออกครับ
          หลายวันก่อนช่างเขียนได้ไปงานบุญของคนรู้จักที่หมู่บ้านรอบนอกแห่งหนึ่งที่ว่ากันว่าแดงเถือกกันทั้งเทือกเขาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
    เมื่อหลังพิธีพระจบ ช่างเขียนก็ย้ายไปนั่งที่โต๊ะจัดเลี้ยงจึงมีโอกาสได้ฟังแขกร่วมโต๊ะ 2 – 3 คนที่เป็นชาวบ้านอยู่ในละแวกนั้นแหละกำลังคุยกันตามประสาคนคุ้นเคย แรกเริ่มก็คุยกันสัพเพเหระ ตั้งแต่เรื่องแซวเจ้าภาพไปไกลถึงเรื่องคนตกงานจากกรุงเทพ พอเหล้าที่กรึ่มสำแดงฤทธิ์ เสียงก็ค่อยๆดังสาระก็เข้มข้นขึ้น ช่างเขียนนั่งฟังเขาคุยกันด้วยความทึ่งในภูมิการเมืองที่ออกจะล้ำลึก ซะมิมี
ลุงคำ - เฮ่ย หนอม สอ สอ เฮา ผู่ ใหม่ นิ มัน เป็น  ไผ นอ  คือ บ่ เคย เห็น หน่า จั่ก เถื่อ
อ้ายหนอม - จั่ก แล่ว ข่อย กะ สะ หา กะ เห็น นิ
ลูก หลาน ไผ กะ บ่ หู่ ข่อย เห็น ป้าย หา เสียง มัน แล่ว กะ หว่า มัน ต้อง บ่ ทำ มะ ดา เด้อ บัก อัน นี่ ฮั่น คึด คือ กัน เบาะ ลุงคำ
ลุงคำ - เฒ่า สะ เหลิม เพิ่น กะ ส่า มา ดน แล่ว หว่า ถ่า พรรค เสื่อ แดง อัน นี่ มัน ส่ง เสา ไฟ ฟ่า มา คน บ้าน เฮา กะ ต่อง เลือก  มัน เว่า ปาน หว่า พวก เฮา ปึ๊ก หนา บ่ มี ปัน ยา จั่ก น่อย
อ้ายหนอม - มัน สิ เป็น ไผ กะ ส่าง มัน เถาะ เว้ยลุง ได่ คน ทำ มะ ดา ๆ กะ ใค กั่ว ได่ เสา ปูน ละ ว้า แม่น เบาะ หละ
ลุงคำ - เว่า พื่น รัด ทะ บาน ใหม่ นิ เขา หว่า เฒ่า อภิสิทธิ์ เพิ่น เป็นนายก บ่ สง่างามเลย
อ้ายหนอม - คือ ว่า จั่ง ซั้น ลุง ลอง ไป เทียบ กับ สมัย เฒ่า ตัก สิน เบิ่ง แหน่ เพิ่น มี เงิน หลาย กะ ไป ซื่อ ไป จ่าง พรรค เล็ก พรรค น่อย มา โฮม กับ เพิ่น ฮั่น มัน บ่ ขี่ ฮ่าย กั่ว บ๊อ
ลุงคำ - กะ แม่น อยู่ บัด นี่ เฒ่า ตู่ จะ ตุ พอน เพิ่น ผัด หว่า เฮ็ด แนว นี่ มัน บ่ เป็น ปะ ซา ทิ ปะ ไต โต สิ หว่า แนว ใด เฮ่ย
อ้ายหนอม - บัก ห่า ตู่ มัน เป็น นักการเมือง ภาษา หยัง ว่ะ มัน บ่ ฮู่ เบาะ หว่า อยู่ เมืองไทย ปะ ซา ทิ ปะ ไต มัน ต้อง เป็น แบบ ไทยๆ บ่ ต้อง มี มา ระ ยาด แบบ ฝรั่ง เขา ดอก การเมืองไทย เป็นแบบ หว่า บ่ มี สัด จะ ใน หมู่ โจร รึ หว่า บ่ มี มิด แท่ สัด ตู ถาวร ดอก เข่า ใจ เบาะ ลุง
ลุงคำ - แม่น ควม โต เว่ย เว่า พื่น นักการเมืองไทย เฮา นิ มัน เป็น ตา ซัง หลาย อี หยังๆ เฮ็ด แล่ว ได่ ปะ โหยด มัน เฮ็ด ได่ เมิด พวก ผี ห่า นิ  บ่ หว่า ผู่ ใด กะ แนว เดียว กัน
อ้ายหนอม - เขา จั่ง หว่า ไผ สิ เล่น การเมือง ได่ มัน ต่อง หน่า ด้าน หน่า มึน จัก น่อย จั่ง สิ เล่น ได่
ลุงคำ - โต หว่า  เฒ่า อภิสิทธิ์ เพิ่น กะ ซิ อยู่ ดน เบาะ หละ
อ้ายหนอม - กะ สิ ดน อยู่ หละ ตี๊ ถ่า บ่ ฟ่าว ผิด ใจ กัน กับ เฒ่า เนวิน  ซะ ก่อน
บักจ่อย - พวก เฮา ลุก เถาะ เว๊ย ข่อย เห็น พวก บัก เหลือ เสื่อ แดง มัน ตา เหลื่อม มาบๆ มา แต่ ฟาก พู้น แล่ว ไป๊ เมือๆ  ก่อน สิ มี เลื่อง
ช่างเขียน - เดี๋ยว ๆ ขอ ตำจอก นำ แหน่ ฟัง พวก อ่ายๆ คุย กัน แล่ว ม่วน หลาย เด้อ ( จบ )
    ฟังแล้วน่าขนลุกนะ ที่อิสระทางความคิดยังมีหลงเหลือในอาณาจักรแห่งการครอบงำเช่นนี้  
    การมาวันนั้น ช่างเขียนก็ไม่ได้อิ่มปากอิ่มท้องอย่างเดียว ยังได้รู้ความลับของชาวบ้านในแถบนั้นด้วยว่า แทบทุกบ้านมีหนี้สินกันยุบยับบ้างมากบ้างน้อย โดยเฉพาะพวกที่ซื้อรถกระบะแต่สมัยกองทุนหมู่บ้านเปิดใหม่ๆ ตอนนี้ยังค้างจ่ายค่างวดเป็นปีๆหมู่บ้านละ 4 – 5 คัน ไม่นับรวมรถมอร์เตอร์ไซต์ที่มีมากกว่านี่
    ความเชื่อว่า ชีวิตที่ดี ต้องสมบูรณ์แบบ ต้องมีบ้าน มีรถ มีอุปกรณ์เครื่องใช้ครบครันให้ทัดหน้าเทียมตาคนอื่นเขาโดยไม่ได้คำนึงถึงกำลังเรี่ยวแรงของตนเอง ทำให้เกิดปัญหาหนี้เสียของข้าราชการไทยที่กู้แล้วไม่ผ่อน ทำให้เกิดชนวนวิกฤติเศรษฐกิจของโลกจากหนี้สินของคนอเมริกันที่รูดปื้ดๆเอาอนาคตมาใช้จนหมดเกลี้ยงแล้วไม่มีปัญญาใช้คืน ที่กำลังส่งผลร้ายให้มีคนตกงานนับล้านๆไปทั่วโลกในครั้งนี้แล้วหละ ครับ
    ลองคิดดูว่า ความต้องการ ที่พอเพียงให้ชีวิตอยู่ได้ โดยยึดหลักหาได้แค่ไหนก็ใช้แค่นั้น ก็น่าจะทำให้ชีวิตมีความสุขได้ สวัสดี ครับ


อยากกินแซบ ให่หมั่นซีม

อยากกินอิ่ม ให้สะแตกไปโลด 
จับตา สามยาม
16 ม.ค 2552

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความเห็นกับบทความนี้