ขอให้ชาวนครพนม คัดค้านการนำเอาพระธาตุพนม ไปประดับบนยอดหลังคาอาคารด่านศุลกากรนครพนม ที่สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 3 จังหวัดนครพนม

7 ก.พ. 2552

บุญอีสานพานำ กรรมอีสานพาเป็น


        งานไหลเรือไฟนครพนม เป็นหนึ่งในสามของงานออกพรรษาระดับชาติในภาคอีสานอันมีงานแห่ปราสาทผึ้งสกลนครที่จัดก่อนหนึ่งวันและงานบั้งไฟพระยานาคหนองคายที่จัดในค่ำคืนเดียวกัน ปีนี้เรือไฟของเราก็ไหลไปอย่างเรื่อยๆมาเรียงๆ จะชมก็ไม่มีจะตีก็ไม่ได้เพราะเมื่อเทียบกับที่แล้วๆมาก็จัดได้ประมาณนี้ แต่หากผู้จัดงานเกิดความคิดว่า " อยากจัดงานปีหน้าให้ดีกว่าสนุกกว่าและมีผู้คนมาเที่ยวมากกว่านี่ " ก็ต้องชักชวนหลายฝ่ายมานั่งคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งณ ที่นี้ช่างเขียนก็อยากเสนอซักเรื่องให้ลองพิจารณาดูว่า จะเป็นเรื่องดีใหม ถ้าฝ่ายเราจะปรับเลื่อนวันไหลเรือไฟไม่ให้ชนกันกับงานบั้งไฟพระยานาคที่หนองคาย เพราะทำให้นักท่องเที่ยวที่มาไกลๆสามารถไปเที่ยวชมงานได้ครบทั้ง 3 งาน ถ้าทำได้นี่ก็จะเป็นสุดยอดของโปรแกรมการท่องเที่ยวอีสานรายการหนึ่งของปี

        ในปีนี้มีเวทีการแสดงเล็กๆแต่เปี่ยมคุณค่าเพราะหาชมยาก มีผู้ชมบางตาเหมือนแอบเขาจัด คือ การแสดงวัฒนธรรมของชนเผ่าทั้ง 7 ในท้องที่จังหวัดนครพนม บนเวทีลานตะวันเบิกฟ้า ซึ่งแต่ละคืนก็จัดให้มีการแสดงของแต่ละชนเผ่าเรียงกันไปตั้งแต่เผ่าไทข่า เผ่าไทโส้ เผ่าไทย้อ เผ่าไทแสก เผ่าไทกระเลิง เผ่าผู้ไทยไปจนถึงเผ่าไทยลาว รวมเวลาการแสดง 7 คืน ในแต่ละคืนก็พบว่านักแสดงแต่ละคณะถึงไม่ใช่มืออาชีพพวกเขาก็แสดงกันสุดฝีมืออย่างตั้งอกตั้งใจ โดยรวมแล้วก็ถือว่าทำได้น่าสนใจดีครับ ถึงแม้ระบบแสงสีเสียงบนเวทีจะไม่เป็นใจช่วยเพิ่มอรรถรสในการชมสักเท่าใด

        ก็เอาเถอะครับ เมื่อได้ชมการแสดงครบทุกชุดแล้วก็ถือเป็นบุญตา ต้องขอปรบมือแสดงความชื่นชมและให้กำลังใจกับคณะแสดงทุกชนเผ่า ที่ยังคงรักษามูลเชื้ออันเก่าแก่ของบรรพบุรุษได้เป็นอย่างดี รายการที่มีผู้ชมมากที่สุดก็คือ การแสดงของชาวผู้ไทย เรณูนคร ในชุด " ฟ้อนผู้ไทย" การฟ้อนคู่หญิงชายที่มีเอกลักษณ์ในท่วงท่าลีลาของฝ่ายชาย การร่ายรำของฝ่ายหญิงที่นิ่มเนิบแต่สง่างามมาก ตามด้วยเสียงดนตรีพิณแคนซอที่ขับคลอประสานอย่างลงตัว แน่นอนว่า ฟ้อนผู้ไทย นั้นงดงามประทับใจไร้กาลเวลา ช่างเขียนเต็มใจยกให้เป็น ศิลปะของแผ่นดินจังหวัดนครพนม
          ทั้งนี้ต้องไม่ลืมขอบคุณผู้อยู่เบื้องหลัง อาจารย์ชัยบดินทร์ สาลีพันธุ์ ผู้ดูแลคณะฟ้อนผู้ไทยเรณูนครชุดใหญ่ชุดแรกๆ ที่ได้เผยแพร่ฟ้อนผู้ไทยของเรณูนครและชื่อเสียงของจังหวัดนครพนมต่อสายตาสาธารณชนมาเกือบ 30 ปี ที่สำคัญคือการมีโอกาสได้รับใช้เบื้องพระยุคลบาทอยู่หลายครั้ง และก็ไม่ลืมที่จะให้กำลังใจแก่สภาวัฒนธรรมจังหวัดนครพนมผู้จัดด้วย หวังว่าจะมีการจัดเช่นนี้อีกเป็นประจำทุกปีต่อไป แต่เอ้อ ในปีหน้าถ้ามีแผ่นพับแจงรายละเอียดของการแสดงแจกผู้ชมด้วยก็จะดีไม่น้อย
        นานทีได้ฟังเสียงพิณ เสียงแคนก็แสนฉ่ำใจ ว่ากันว่า พิณ แคน ซอ เป็นเครื่องดนตรีอีสานดั้งเดิมทำง่ายราคาถูกถือสะดวก จะนั่งเล่น ยืนเล่นหรือเดินแห่แหนเล่นก็ได้    ปรกติจะมาคู่กับหมอลำอันเป็นความบันเทิงหนึ่งเดียวของชนบท   โดยทั่วไปก็ใช้ประกอบพิธีการต่างๆไม่ว่าจะงานบุญ งานบวชหรืองานเบียด หรือเล่นเป็นการส่วนตัวในยามเหงา ยามพักเหนื่อยของผู้ใช้แรงงาน มีผู้ใหญ่เล่าให้ฟังว่าเพลงหมอลำ ก็คือการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของคนอีสานที่สมถะเจียมตัว ถึงแม้ชีวิตจะทุกข์ยากลำบากอย่างไร เทียบได้กับแนวเพลงบลูส์ของคนผิวดำทางอเมริกาเขา
           แต่ออกพรรษาปีนี้มักได้ยินแต่ดนตรีโปงลางที่ออกจะหนุกหนานเพลิดเพลินเจริญใจเกินชีวิตจริงของคนอีสานไปหน่อย อันว่าดนตรีแนวลำซิ่งหรือแนววิทยาลัยนาฎศิลป  กับดนตรีพื้นถิ่นอีสานแท้ๆนั้นคนละอย่างคนละอารมณ์กัน และโปงลางก็คือดนตรีของทางกาฬสินธุ์เขาที่เพิ่งจะคิดได้ไม่นานซักเท่าไร เป็นไปได้มั๊ยว่าเรากำลังหลงลืมอะไรซักอย่างไปแล้ว
        ในเช้าตรู่วันที่ 7 ตุลา ขณะที่พี่น้องชาวนครพนมกำลังง่วนกับการเตรียมงานออกพรรษาวันแรกอยู่ ก็ต้องวางมือหันมาดูทีวีที่กำลังถ่ายทอดสด ตำรวจสาธิตการใช้อาวุธเคมีที่หมดอายุ เอ๊ย ตำรวจระดมยิงแก็สน้ำตาใส่ฝูงชนหน้ารัฐสภาฯอย่างมันมือ เพื่อเปิดทางให้สส.ฝ่ายรัฐบาลเข้าไปประชุมในสภาได้รอบเช้านี้มีคนเจ็บนับร้อย พอตกเย็นก็กระหน่ำยิงอีกรอบเพื่อเปิดทางให้พวกสส.ออกมา คราวนี้เจ็บกว่า 300 และมีคนตายหนึ่ง
สรุปว่าวันนี้มีเรื่องผิดปรกติที่ต้องบันทึกไว้คือ มีการแถลงนโยบายของรัฐบาลสมชาย 1 ตามลำพังโดยปราศจากฝ่ายค้านและประชุมกันในสภาระหว่างที่ข้างนอกมีคนเจ็บคนตาย
        ว่ากันว่า ประวัติศาสตร์มีให้ศึกษาเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุเกิดซ้ำอีก แต่นักการเมืองหรือตำรวจก็ดี ไม่เคยจดจำบทเรียนเลยว่า ทำแล้วได้ผลเป็นอย่างไร ขอทวนอดีตให้ฟังสัก 2 เรื่อง จำเหตุการณ์ยุบสภาของรัฐบาลไทยรักไทยแล้วเลือกตั้งใหม่แบบรวบรัดที่มีแต่พรรครัฐบาลโดยไม่มีฝ่ายค้านได้มั๊ย แล้วเป็นไงผลก็คือ พรรคไทยรักไทยก็ถูกยุบไงหละ จำเหตุการณ์วันที่ 14 ตุลา 2516 ได้มั๊ย เหตุที่ตำรวจใช้กระบองตีนักศึกษาจนตกคลองน้ำรอบวังสวนจิตรฯจนเหตุบานปลายกลายเป็น วันมหาวิปโยค ผลก็คือ หลังจากวันนั้นตำรวจในเขตกรุงเทพฯไม่กล้าแต่งเครื่องแบบไปนานหลายเดือน
        ถ้าการเป็นรัฐบาลสมชายมาจากการเลือกตั้ง แน่นอนว่าบุญของคนอีสานมีส่วนสำคัญ และถ้ารัฐบาลสมชาย 1 จะต้องมีอันเป็นไป ก็น่าจะเป็นด้วยกรรมของคนอีสานอีกนั่นแหละ จริงมั๊ยท่านผู้อ่าน

    " ถ่ามึงอยากไปไวๆ กะให่มึงหิบฟ่าวไป ถ่ามึงอยากไปไกลๆ กะให่มึงถ่าไปนำกู " เด้อ พี่น้อง เด้อ

จับตา สามยาม

21 ต.ค 2551

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความเห็นกับบทความนี้